แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นตัวการ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นแต่เพียงผู้สนับสนุน ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ กรณีมิใช่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกันจับนายสมศักดิ์ในความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ แล้วจำเลยกับพวกร่วมกันเรียกเงินจากนายสมศักดิ์โดยมิชอบเพื่อไม่จับกุมตัวนายสมศักดิ์ดำเนินคดี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 149
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ประกอบด้วยมาตรา 86 จำคุก 3 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับพลตำรวจคมกาจเรียกทรัพย์สินจากผู้เสียหายโดยมิชอบ เพื่อจะได้ไม่กระทำการตามหน้าที่ แต่ทางพิจารณาศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานเป็นตัวการ หากแต่เป็นเพียงผู้สนับสนุน ศาลจะลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนได้หรือไม่นั้น เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ไม่เป็นความผิดฐานเป็นตัวการนั้นเป็นการวินิจฉัยคดีโดยยกตัวบทกฎหมายขึ้นมาปรับกับการกระทำของจำเลยว่าที่จำเลยได้กระทำไปนั้นเป็นความผิดฐานใดเมื่อเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นเพียงการกระทำเพื่อช่วยเหลือให้พลตำรวจคมกาจกระทำความผิดตามฟ้องอันเข้าลักษณะความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ไม่ถึงขั้นเป็นตัวการในความผิดนั้นศาลก็ลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ กรณีเช่นนี้มิใช่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
พิพากษายืน