คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2530/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บ้านพิพาทเป็นบ้านที่ ป. มีมาแต่เดิมก่อนสมรสอยู่กินกับโจทก์ ป. จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียวการที่โจทก์อยู่กินกับ ป.ฉันสามีภริยาโดยไม่จดทะเบียนสมรส แม้จะได้ออกเงินซ่อมแซมทำนุบำรุงบ้านพิพาทก็เพื่อให้อยู่อาศัยสะดวกสบายยิ่งขึ้นเท่านั้น หาทำให้โจทก์มีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์แต่งงานอยู่กินกับนายประสงค์โดยมิได้จดทะเบียนสมรสและได้ร่วมกันในบ้านพิพาท โจทก์ได้ออกเงินซ่อมแซมต่อเติมปรับปรุงบ้านดังกล่าวต่อมาเมื่อนายประสงค์ถึงแก่กรรม จำเลยกลับฟ้องขับไล่โจทก์ การที่โจทก์อยู่กินกับนายประสงค์ในบ้านพิพาท และได้ออกเงินซ่อมแซมต่อเติม โจทก์จึงมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับนายประสงค์คนละครึ่ง ขอให้พิพากษาว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทครึ่งหนึ่ง ให้จำเลยใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในบ้านพิพาท

จำเลยให้การว่า นายประสงค์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทโดยการได้รับมรดกมาก่อนที่โจทก์จะมาอาศัยอยู่ การที่โจทก์ซ่อมแซมบำรุงรักษาบ้านพิพาทเป็นการบำรุงรักษาตามปกติ ไม่มีสิทธิเรียกค่าบำรุงรักษา ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้ำขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แต่บ้านพิพาทเป็นบ้านที่นายประสงค์มีมาก่อนสมรสโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายกับโจทก์ การที่โจทก์ออกเงินซ่อมแซมบ้านพิพาทจะถือว่านายประสงค์ให้โจทก์มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของไม่ได้ พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีส่วนที่จะได้รับส่วนแบ่งจากบ้านพิพาทในลักษณะหุ้นส่วน เพราะแม้โจทก์จะเป็นภรรยาโดยมิชอบด้วยกฎหมายของนายประสงค์แต่ก็ได้ออกเงินซ่อมแซมบ้านพิพาทนั้น พิเคราะห์แล้ว ปรากฏว่า โจทก์เองแถลงรับว่าบ้านพิพาทเป็นบ้านที่นายประสงค์มีมาแต่เดิมก่อนสมรสอยู่กินกับโจทก์ นายประสงค์จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทแต่เพียงผู้เดียว การที่โจทก์อยู่กินกับนายประสงค์ฉันสามีภรรยาโดยไม่จดทะเบียนสมรส แม้จะออกเงินซ่อมแซมทำนุบำรุงบ้านพิพาท ก็เป็นเรื่องการซ่อมแซมทำนุบำรุงเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสะดวกสบายยิ่งขึ้นเท่านั้นหาทำให้โจทก์ผู้ออกเงินซ่อมแซมทำนุบำรุงบ้านพิพาท กลับกลายมามีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทไม่

พิพากษายืน

Share