แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกนาของผู้เสียหายและถอนต้นข้าวที่ผู้เสียหายปลูกไว้ทิ้งเสีย เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมายังฟังไม่ได้ความชัดว่าที่พิพาทเป็นของผู้เสียหายดังที่โจทก์ฟ้องและตาม พยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบกันมาก็เห็นได้ว่าทั้งสองฝ่าย ยังเถียงการครอบครองกันอยู่เช่นนี้ การที่จำเลยเข้าไปในที่พิพาท จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานบุกรุก
ส่วนข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าข้าวนั้นเป็นข้าวของผู้เสียหายปลูกไว้ซึ่งจำเลยก็รู้ การที่จำเลยถอนทำลายต้นข้าวที่เขาปลูกออกเสีย แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ ย่อมเห็นได้ว่าทำให้ต้นข้าวที่ปลูกไว้นั้นเสียหายการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในนาของนางปันเพื่อถือการครอบครองแล้วถอนต้นข้าวซึ่งเป็นพืชในการกสิกรรมที่นางปันกสิกรปลูกไว้ทิ้งเสีย ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ และว่าที่นาเป็นของจำเลย ผู้เสียหายเข้ามาปลูกข้าวโดยจำเลยมิได้อนุญาต จำเลยจึงถอนทิ้งเสีย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดให้จำคุก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมายังฟังไม่ได้ความชัดว่า ที่พิพาทเป็นของผู้เสียหาย ดังที่โจทก์ฟ้อง และตามพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบกันมา ก็เห็นได้ว่าทั้งสองฝ่ายยังเถียงการครอบครองกันอยู่ การที่จำเลยเข้าไปในที่พิพาท จึงยังไม่มีความผิดฐานบุกรุก
ส่วนในข้อหาฐานทำให้เสียทรัพย์ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ข้าวนี้เป็นข้าวของผู้เสียหายปลูกอยู่ ซึ่งจำเลยก็รู้ และเป็นที่ที่ผู้เสียหายและจำเลยยังเถียงการครอบครองกันอยู่ การที่จำเลยถอนทำลายต้นข้าวที่เขาปลูกออกเสียแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ ย่อมเห็นได้ว่าทำให้ต้นข้าวที่ปลูกไว้นั้นเสียหาย จำเลยจึงเจตนาทำให้ทรัพย์ของเขาเสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359