คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานฉุดคร่าห์อนาจารนั้น เมื่อได้ฉุดคร่าห์ไปถึงที่หมายปลายทาง ได้ที่พักพิงเรียบร้อยแล้ว ความผิดฐานฉุดคร่าห์สำหรับตัวผู้ฉุดคร่าห์ก็เป็นอันถึงที่สุด ถ้ายังมีการหน่วงหนี่ยวกักตัวผู้ถูกฉุดคร่าห์ไว้ต่อไป ก็เป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพขึ้นอีกกะทงหนึ่ง แต่ศาลมีอำนาจรวมกะทงลงโทษได้

ย่อยาว

อัยการโจทก์กับนายพังเฉกบิดานางสาวท้ามหยิ้นโจทก์ร่วม ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉุดคร่าห์นางสาวห้ามหยิ้นไปเพื่ออนาจาร และจำเลยกับพวกได้ทำการหน่วงเหนี่ยวกักขังข่มขืนกระทำขำเรา ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๓, ๒๗๖, ๒๖๘, ๒๗๑.
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลจังหวัดตรังพิจารณาแล้ว พิพากษาลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๗๖ และ ๒๔๓ ให้จำคุกจำเลย ๓ ปี
โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมและจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีนี้ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย โจทก์ร่วมขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพด้วย ศาลฎีกาเห็นว่าได้ฉุดคร่าห์ไปถึงที่หมายปลายทางได้ที่พักเรียบร้อยแล้ว ความผิดฐานฉุดคร่าห์สำหรับตัวผู้ฉุดคร่าห์ก็เป็นอันถึงที่สุด ถ้ายังมีการหน่วงเหนี่ยวกักตัวผู้ถูกฉุดคร่าห์ไว้ต่อไป ก็เป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพขึ้นอีกกะทงหนึ่ง ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยมีความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพด้วย แต่ศาลมีอำนาจรวมกะทงลงโทษจำเลยได้และกำหนดโทษที่ศาลล่างวางมาก็สมควรแล้ว จึงไม่แก้ไข
คงพิพากษายืน

Share