แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเยาวชนถูกควบคุมอยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางพนักงานสอบสวนไม่ขอผัดฟ้อง ศาลจึงปล่อยตัวจำเลยไป แม้ต่อมาเมื่อจำเลยพ้นเกณฑ์เยาวชนแล้วโจทก์ก็จะฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาโดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 67, 102 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำฟ้องและคำแถลงของโจทก์ว่า จำเลยถูกจับเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2522 ขณะที่จำเลยเป็นเยาวชน พนักงานสอบสวนส่งตัวจำเลยไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2522 จำเลยถูกควบคุมอยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2522พนักงานสอบสวนไม่ขอผัดฟ้อง ศาลจึงปล่อยตัวจำเลยไป ต่อมาวันที่ 4 เมษายน 2527 ซึ่งเป็นเวลาที่จำเลยพ้นเกณฑ์เยาวชนแล้วเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้และได้ควบคุมไว้จนถึงวันฟ้อง และยื่นฟ้องโดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการให้ฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2506มาตรา 8 ซึ่งมาตรา 24 ทวิ ได้กำหนดเวลาและเงื่อนไขในการฟ้องคดีไว้ในกรณีที่มีการจับกุมเด็กหรือเยาวชน และมาตรา 24 จัตวาบัญญัติว่า ‘ห้ามมิให้พนักงานอัยการฟ้องคดีเมื่อพ้นระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 24 ทวิ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ’ ซึ่งตามบทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าห้ามฟ้องต่อศาลใด จึงมีความหมายว่าถ้ามีการจับกุมเด็กหรือเยาวชนแล้วจะต้องฟ้องภายในเวลาและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในมาตรา 24 ทวิ ถ้าพ้นกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา 24 ทวิแล้วห้ามฟ้องต่อศาลทุกศาล เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการหากจะให้ฟ้องต่อศาลอื่นได้ในเมื่อจำเลยมีอายุพ้นกำหนดที่อยู่ในอำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง ก็ต้องบัญญัติไว้ให้ชัดแจ้ง ในกรณีที่เป็นผลร้ายแก่จำเลยนั้นต้องมีความตามตัวบทกฎหมายโดยเคร่งครัด เมื่อกฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้ว่าในกรณีเช่นนี้ให้โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาได้โดยมิต้องขออนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ ข้อห้ามตามมาตรา 24 จัตวา จึงมีอยู่ตลอดไป ในกรณีที่มีการจับกุมเด็กหรือเยาวชน แม้ต่อมาจำเลยจะมีอายุเกินกำหนดที่อยู่ในอำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางก็ตามข้อห้ามดังกล่าวยังคงไม่หมดไป เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกำหนดเวลาตามมาตรา 24 ทวิ โดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ คดีของโจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องตามมาตรา 24 จัตวา คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในเรื่องนี้ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองมิได้สั่งเรื่องของกลางทั้งที่เป็นของมีไว้เป็นความผิดนั้น ศาลฎีกาเห็นควรสั่งเสียให้ครบถ้วน
พิพากษายืน แต่ให้ริบของกลาง’