แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์มีตัว ผู้รับมอบอำนาจมาสืบประกอบสำเนาหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทโจทก์โดย นายทะเบียนบริษัทเมืองฮ่องกงและมีโนตารีปับลิก เมืองฮ่องกงรับรองสำเนาหนังสือรับรองดังกล่าวและมีหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ให้ ป. ดำเนิน คดีแทน โดย มีคำรับรองของโนตารีปับลิก เมืองฮ่องกง และกงสุลแห่งประเทศ ไทยว่า จ. และ อ. กรรมการบริษัทโจทก์ได้ ลงนามอย่างเป็นทางการในหนังสือมอบอำนาจและเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของ จ. และ อ.จึงเชื่อ ได้ ว่าบริษัทโจทก์ได้ มอบอำนาจให้ ป. ดำเนิน คดีนี้จริงหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 47.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดจดทะเบียนตามกฎหมายของเมืองฮ่องกง มีนายจอน ไมเคิล ไบรอันท์และนายเอ็ดมันด์ ชาน ลงลายมือชื่อและประทับตราของโจทก์ทำการแทนโจทก์ได้ โจทก์ได้มอบอำนาจให้นายอะจาย์ คูมาร์ ปาวา ดำเนินคดีนี้จำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ลงโฆษณาเกี่ยวกับกิจการโรงแรมบางกอกพาเลซ โจทก์ได้ลงโฆษณาให้เรียบร้อยแล้ว จำเลยคงค้างชำระค่าจ้างโจทก์จำนวน 4,590 เหรียญสหรัฐอเมริกา คิดเป็นเงินไทย125,582.40 บาท โดยเทียบ 1 เหรียญสหรัฐอเมริกา เท่ากับ 27.36 บาทจำเลยต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี หลังจากลงนามในใบแจ้งหนี้แล้ว 30 วัน กล่าวคือ จากต้นเงินจำนวน 100,912 บาทนับแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2526 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 29,920.40 บาทและจากต้นเงินจำนวน 125,582.40 บาท นับแต่วันที่ 21 ตุลาคม2527 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 16,953.57 บาท ให้แก่โจทก์ และให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 226,494.40 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้เปลี่ยนแปลงกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ไปแล้วในขณะมอบอำนาจแก่ผู้ฟ้องคดี จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจ้างโจทก์ทำการโฆษณาตามฟ้อง ขอศาลพิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 28,832 เหรียญฮ่องกง(อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญต่อ 3.50 บาท) และชำระเงินจำนวน4,590 เหรียญสหรัฐอเมริกา (อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญต่อ 23 บาท)พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ปัญหามีว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ และจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใดจำเลยฎีกาว่า นายจอน ไมเคิล ไบรอันท์ และนายเอ็ดมันด์ ชานกรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์ไม่ได้มาเบิกความยืนยันว่าเป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจ โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่ามีการมอบอำนาจกันจริงทั้งลายมือชื่อผู้มอบอำนาจจะเป็นลายมือชื่อแท้จริงหรือไม่โจทก์ไม่มีพยานมาสืบ การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์มีนายอะจาย์ คูมาร์ ปาวาผู้รับมอบอำนาจมาเบิกความประกอบเอกสารหมาย จ.1, จ.2 ว่านายจอน ไมเคิล ไบรอันท์ และนายเอ็ดมันด์ ชาน เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนโจทก์แต่ต้องประทับตราของโจทก์ และพยานได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ดำเนินคดีนี้ หนังสือรับรองทำที่เมืองฮ่องกงผู้มอบอำนาจแทนโจทก์มีอำนาจโดยชอบ เห็นว่า เอกสารหมาย จ.1พร้อมคำแปลเป็นสำเนาหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทโจทก์โดยนายทะเบียนบริษัทเมืองฮ่องกงและมีโนตารีปับลิกเมืองฮ่องกงรับรองสำเนาหนังสือรับรองดังกล่าว เอกสารหมาย จ.2 พร้อมคำแปลเป็นหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ให้นายอะจาย์ คูมาร์ ปาวา ดำเนินคดีแทน โดยมีคำรับรองของโนตารีปับลิกเมืองฮ่องกงและกงสุลแห่งประเทศไทยว่า นายจอน ไมเคิล ไบรอันท์ และนายเอ็ดมันด์ ชานกรรมการบริษัทโจทก์ได้ลงนามอย่างเป็นทางการในหนังสือมอบอำนาจฉบับลงวันที่ 22 มิถุนายน 2527 และเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของนายจอน ไมเคิล ไบรอันท์ และนายเอ็ดมันด์ ชาน จึงเชื่อได้ว่าบริษัทโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายอะจาย์ คูมาร์ ปาวา ดำเนินคดีนี้จริง หนังสือมอบอำนาจชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 47 แม้โจทก์มีเฉพาะตัวผู้รับมอบอำนาจมาสืบก็เพียงพอแล้วจำเลยมิได้นำสืบหักล้างในข้อนี้ คดีจึงฟังได้ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้
จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้ทำการโฆษณาโรงแรมจำเลย ผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยคือ นายสุวิทย์จันทรประเสริฐ ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของจำเลยเท่านั้นสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.4 และ จ.13 ไม่ผูกพัน จำเลยเบิกความตอบโจทก์ถามค้านว่า เอกสารหมาย จ.20 เป็นหนังสือทวงหนี้ จ.21เป็นที่อยู่ของจำเลย จึงฟังได้ว่าโจทก์ได้ส่งหนังสือบอกกล่าวทวงถามและจำเลยได้รับโดยชอบแล้ว คดีฟังได้ว่าจำเลยต้องรับผิดชำระเงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.