คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความปรากฏแต่เพียงว่าจำเลยลงชื่อในฐานะพยานการที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่าจำเลยลงชื่อในฐานะเป็นคู่สัญญาซึ่งต้องรับผิดตามสัญญาเท่ากับเป็นการนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94(ข)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าทองรูปพรรณโจทก์เป็นเงิน 395,415 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2533จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภรรยากันตกลงทำหนังสือยอมรับสภาพหนี้แก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ยอมรับว่าเป็นหนี้ค่าทองรูปพรรณต่อโจทก์เป็นเงินจำนวนดังกล่าว และจำเลยทั้งสองตกลงจะผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์ทุกเดือน ๆ ละ 131,850 บาท งวดแรกชำระภายในวันที่10 กุมภาพันธ์ 2533 และงวดต่อไปชำระทุกวันที่ 10 ของเดือนถัดไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หลังจากทำหนังสือรับสภาพหนี้แล้วจำเลยทั้งสองมิได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญา โจทก์จึงให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้ จำเลยทั้งสองได้รับหนังสือแล้วเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยทั้งสองต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินต้นดังกล่าวนับแต่วันทราบคำบอกกล่าวของทนายโจทก์ (วันที่ 7 พฤษภาคม 2533) ถึงวันฟ้องเป็นเวลา 31 วันคิดเป็นดอกเบี้ย 2,553 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 397,968 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินจำนวน 395,415 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามฟ้องกับโจทก์ เพราะจำเลยที่ 2 ไม่มีหนี้ติดค้างกับโจทก์โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 395,415บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2533 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จเฉพาะดอกเบี้ยถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน 2,553 บาท
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เดิมจำเลยที่ 1เป็นหนี้ค่าทองรูปพรรณโจทก์ 394,415 บาท ต่อมาวันที่ 9 มกราคม2533 จำเลยที่ 1 กับโจทก์ได้ตกลงทำสัญญากันซึ่งคู่ความเรียกว่าสัญญารับสภาพหนี้ซึ่งมีสาระสำคัญว่า จำเลยที่ 1 ยอมชำระหนี้ที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระแก่โจทก์ผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ131,850 บาท เดือนแรกชำระในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2533 และทุกวันที่ 10 ของเดือนถัดไปจนกว่าจะครบ จำเลยที่ 1 กับโจทก์ลงชื่อเป็นคู่สัญญา ส่วนจำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นพยานปรากฏตามบันทึกข้อความเอกสารหมาย จ.2 ในปัญหาที่ว่าจำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชดใช้เงินตามฟ้องต่อโจทก์หรือไม่เห็นว่า ตามเอกสารหมาย จ.2 เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อปรากฏข้อความในเอกสารหมาย จ.2 แต่เพียงว่าจำเลยที่ 2ลงชื่อในฐานะเป็นคู่สัญญาซึ่งต้องรับผิดตามสัญญาเท่ากับเป็นการนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารหมาย จ.2ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)จึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 มิได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ดังนั้น จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง”
พิพากษายืน

Share