คำสั่งคำร้องที่ 803-804/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ที่ 1 ฎีกา เพื่อขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษา ให้โจทก์รับเงินจำนวน 570,879.58 บาท ของจำเลยตามที่โจทก์ บังคับคดีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ในความครอบครอง ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กองล้มละลาย 1 กรมบังคับคดี ในคดีของศาลแพ่ง ความล้มละลาย หมายเลขคดีแดงที่ ล.406/2533 ถ้าหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการคืนเงินจำนวนดังกล่าว ให้แก่จำเลยที่ 1 ในขณะนี้แล้ว หากศาลฎีกาได้พิพากษากลับ ให้โจทก์ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวได้แล้ว โจทก์จะไม่สามารถ บังคับคดีเอากับจำเลยได้ เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหาย ของโจทก์ โปรดมีคำสั่งห้ามมิให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ คืนเงินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 1 จนกว่าศาลฎีกาจะได้มี คำพิพากษาเสร็จแล้ว โปรดอนุญาต หมายเหตุ จำเลยที่ 1 และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 40) คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันโดยให้เรียกชื่อคู่ความตามลำดับในสำนวนหลังและพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 1,200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2525จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องไม่เกิน776,342.46 บาท และให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 92888 ตำบลสามเสนใน อำเภอพญาไท กรุงเทพมหานคร โจทก์ยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1ชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 1,200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยและ ค่าฤชาธรรมเนียม ปรากฎว่าจำเลยที่ 1 มีเงินเหลือจาก การบังคับคดีในคดีอื่นจำนวน 570,879.58 บาท ซึ่งเงินดังกล่าว ศาลได้มีคำสั่งให้อายัดไว้ชั่วคราวโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาได้เคยขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการ บังคับคดีเพื่อนำเงินดังกล่าวมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา ให้แก่โจทก์ แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการให้ ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเงินจำนวน 570,879.58 บาท เพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า จำเลยที่ 1 ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2533 และพิพากษาให้ล้มละลายวันที่ 10 กรกฎาคม 2534 ตามสำเนาคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.406/2533 ของศาลชั้นต้น โจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนั้นหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่ผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการจัดกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ในอันที่จะแบ่งทรัพย์สิน ของลูกหนี้ในคดีล้มละลายให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ได้ หากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะส่งเงินให้ตามหมายอายัดชั่วคราว ของศาลย่อมเป็นการขัดต่อกฎหมายล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จึงไม่อาจส่งเงินจำนวน 570,779.58 บาท ตามหมายอายัดชั่วคราว ให้ศาลได้ ขอให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอรับเงินของโจทก์ และให้เพิกถอนหมายอายัดชั่วคราว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ที่ 1 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 38 แผ่นที่ 2 และแผ่นที่ 1) ชั้นอุทธรณ์ โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นสมควรให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายหมายเลขแดง ที่ ล.406/2533 ของศาลชั้นต้น รอการจ่ายเงินที่เหลือจากที่ ชำระให้แก่เจ้าหนี้แล้วให้แก่ลูกหนี้ (จำเลย) ไว้ก่อน จนกว่า ศาลอุทธรณ์จะมีคำพิพากษาคดีนี้ (อันดับ 24)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นสมควรสั่งห้ามมิให้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คืนเงินที่จำเลยที่ 1 มีสิทธิจะได้รับ ในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล. 406/2533 ของศาลชั้นต้นในระหว่างฎีกา

Share