คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4899-4901/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนแล้วผู้ทำแผนมีอำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/25 โดยอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 90/12 (9) กล่าวคือหากผู้ทำแผนจะกระทำการจำหน่าย จ่าย โอนหรือชำระหนี้ ก่อหนี้หรือกระทำการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดภาระในทรัพย์สินนอกจากเป็นการกระทำที่จำเป็นเพื่อให้การดำเนินการค้าตามปกติของลูกหนี้สามารถดำเนินต่อไปได้แล้วจะต้องได้รับอนุญาตจากศาลที่รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการก่อน เมื่อการขอเบิกจ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายของผู้ทำแผนซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ลดจำนวนเงินที่ผู้ทำแผนมีสิทธิเบิกจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ลง แต่ผู้ทำแผนได้เบิกเงินเกินจำนวนที่ศาลมีคำสั่งไปก่อนแล้ว ผู้ทำแผนจึงมีหน้าที่ต้องส่งคืนเงินส่วนที่เบิกเกินไปให้แก่ลูกหนี้ และถือได้ว่าคำสั่งศาลดังกล่าวเป็นคำสั่งซึ่งจะต้องมีการบังคับคดีศาลจึงมีอำนาจออกคำบังคับให้ผู้ทำแผนปฏิบัติตามได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 272 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย มาตรา 14 หากผู้ทำแผนไม่ปฏิบัติตามคำบังคับดังกล่าวผู้มีส่วนได้เสียก็ย่อมขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีต่อไปได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลแพ่งมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสามและตั้งบริษัทเซ้าท์ สาธร แพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2542 ต่อมาวันที่ 13 มีนาคม 2544 ศาลล้มละลายกลางซึ่งรับโอนสำนวนจากศาลแพ่งมีคำสั่งให้กำหนดค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ทำแผนในอัตราร้อยละ 45 ของจำนวนเงินค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนที่ผู้ทำแผนขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สำหรับผลงานของการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ทำแผนภายหลังที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ และวันที่ 22 มีนาคม 2544 ศาลได้ออกคำบังคับให้ผู้ทำแผนคืนเงินค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายส่วนที่เบิกเกินไปจำนวน 45,901.605.32 บาท ให้แก่ลูกหนี้ภายใน 30 วัน
ผู้ทำแผนยื่นคำร้องว่า คำสั่งศาลกำหนดค่าทำแผนเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2544 มิได้มีคำสั่งให้คืนค่าทำแผนด้วย ผู้ทำแผนจึงมิใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาฝ่ายแพ้คดี คำบังคับเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2544 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลเพิกถอนคำบังคับ
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่า ผู้ทำแผนมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอัตราร้อยละ 45 ของจำนวนเงินที่ควรจะได้ แต่ผู้ทำแผนได้จำนวนเงินมากกว่าจำนวนที่ควรจะได้จึงต้องคืนเงินที่ได้รับเกินให้แก่ลูกหนี้ทั้งสาม แม้ตามคำสั่งดังกล่าวจะมิได้มีคำสั่งให้คืนเงินก็ตาม กรณีไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนคำบังคับ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ทำแผนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/97 (เดิม)
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า เมื่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 หมวด 3/1 ว่าด้วยกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้กำหนดให้ศาลเข้ามามีบทบาทในการกำกับตรวจสอบดูแลกระบวนพิจารณาคดีฟื้นฟูกิจการรวมทั้งให้ศาลมีอำนาจในการตั้งผู้ทำแผนและควบคุมดูแลการทำงานของผู้ทำแผนให้เป็นไปตามกฎหมาย และในการดำเนินการฟื้นฟูกิจการนั้นพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/25 ให้ผู้ทำแผนมีอำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ โดยในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ทำแผนดังกล่าวให้นำบทบัญญัติมาตรา 90/12 (9) มาใช้บังคับแก่ผู้ทำแผนโดยอนุโลมด้วย เช่นนี้หากผู้ทำแผนจะกระทำการจำหน่าย จ่าย โอน ชำระหนี้ ก่อหนี้ หรือกระทำการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดภาระในทรัพย์สินนอกจากเป็นการกระทำที่จำเป็นเพื่อให้การดำเนินการค้าตามปกติของลูกหนี้สามารถดำเนินต่อไปได้แล้วจะต้องได้รับอนุญาตจากศาลที่รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการก่อน เมื่อการขอเบิกจ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายของผู้ทำแผนในคดีนี้ปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งให้ลดจำนวนเงินที่ผู้ทำแผนมีสิทธิเบิกจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสามลง แต่ปรากฏว่าผู้ทำแผนได้เบิกเงินเกินจำนวนที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวไปก่อนแล้ว ผู้ทำแผนจึงมีหน้าที่ต้องส่งคืนเงินส่วนที่เบิกเกินไปให้แก่ลูกหนี้ทั้งสาม และถือได้ว่าคำสั่งของศาลดังกล่าวเป็นคำสั่งซึ่งจะต้องมีการบังคับคดีและศาลมีอำนาจออกคำบังคับให้ผู้ทำแผนปฏิบัติตามได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 และหากผู้ทำแผนไม่ปฏิบัติตามคำบังคับดังกล่าวบุคคลผู้มีส่วนได้เสียก็ย่อมขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีต่อไปได้ คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่ให้ออกคำบังคับแก่ผู้ทำแผนจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ทำแผนฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share