แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ก่อนเกิดเหตุ 7-8 วัน จำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงกันในการซื้อขายไม้วันเกิดเหตุก่อนผู้ตายถูกยิง อ. ได้ยินเสียงผู้ตายร้องด่าจำเลย ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดจ. พี่ภริยาจำเลยออกจากบ้านมาดูเห็นผู้ตายยืนอยู่บนถนนท้ายรถยนต์ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับเมื่อเสียปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลง จำเลยขับรถยนต์ออกไป ต่อมาไม่นานจำเลยขับรถยนต์กลับมารับภริยาและบุตรหลบหนีไป แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุและใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย จึงรับฟังลงโทษจำเลยได้ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายหลายนัดถูกบริเวณหน้าท้อง จนถึงแก่ความตาย แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า ปลอกกระสุนปืนของกลางซึ่งคาอยู่ในรังเพลิงของอาวุธปืน ฝ่ายผู้ตาย มิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงริบไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ส่วนปลอกกระสุนปืน 2 ปลอกและกระดาษหน้าอัดกระสุนปืน 2 ชิ้น ของกลาง เป็นของที่คนร้ายได้ใช้ในการกระทำความผิดให้ริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 15 ปี สำหรับปลอกกระสุนปืนและกระดาษหน้าอัดกระสุนปืนของกลาง ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดให้ริบ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ ผู้ตายถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงหลายนัด กระสุนปืนถูกผู้ตายที่บริเวณหน้าท้องกระสุนทะลุออกเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยเป็นคนร้ายรายนี้หรือไม่โจทก์มีนางจำเนียร คงเมือง ภริยาผู้ตาย นายมานิตย์ ผู้รู้จักคุ้นเคยกับผู้ตาย นายอำนวย ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และนางจำนอง พี่ภริยาจำเลย เป็นพยานเบิกความสรุปได้ว่าก่อนเกิดเหตุ 7-8 วัน ผู้ตายขายไม้ให้จำเลยแล้วเกิดมีปากเสียงกันขึ้นเนื่องจากจำเลยคัดเอาแต่ไม้ดี ๆ ไว้ ไม้ไม่ดีไม่เอาวันเกิดเหตุเวลา 11 นาฬิกา ผู้ตายขอยืมรถจักรยานยนต์ของนายมานิตย์และเอาอาวุธปืนพกออโตเมติกขนาด 9 มม. ของนายเฉลียวซึ่งฝากนายมานิตย์ไว้ไปด้วย ต่อมาเวลา 19 นาฬิกาผู้ตายได้ร้องด่าจำเลย ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด แล้วนางจำนองออกจากบ้านไปดูเห็นผู้ตายยืนอยู่บนถนนท้ายรถปิกอัพซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับเมื่อเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด แล้วผู้ตายล้มลงนานอยู่ข้างถนนจากนั้นจำเลยจึงขับรถปิกอัพออกไปทางบ้านหินดาดต่อมาไม่นานจำเลยขับรถปิกอัพย้อนกลับมาพาภริยาและบุตรหลบหนีไปนอกจากนี้ร้อยตำรวจโทประสพ ทิพย์เลิศ พยานโจทก์ซึ่งขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกัน สถานีตำรวจภูธรอำเภอลาดยาวเบิกความว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ไปพบจำเลย แล้วมีเรื่องโต้เถียงกันและเกิดการยิงกันขึ้นแล้วจำเลยหลบหนีไป และพนักงานสอบสวนพยานโจทก์เบิกความว่าจากการสอบสวนเบื้องต้นได้ความว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้จึงได้ระบุชื่อจำเลยเป็นผู้ที่ทำให้ตายไว้ในรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง เห็นว่า พยานโจทก์ เบิกความสอดคล้องกันมั่นคงประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดีจำเลยเคยมีปากเสียงกับผู้ตาย ก่อนเกิดเหตุนายอำนวยก็ได้ยินเสียงผู้ตายด่าจำเลยเมื่อเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดแล้วนางจำนองออกจากบ้านไปดู เห็นผู้ตายยืนอยู่บนถนนท้ายรถปิกอัพของจำเลย ครั้นเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลงนอนอยู่ข้างถนนแล้วจำเลยจึงขับรถปิกอัพออกไป รูปคดีมีเหตุผลเชื่อได้ว่า จำเลยทะเลาะกับผู้ตายแล้วใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กันและผู้ตายถูกจำเลยยิงถึงแก่ความตาย ที่จำเลยเบิกความว่าวันเกิดเหตุจำเลยนำเงินไปชำระที่บริษัทสยามกลการ จำกัดในตลาดจังหวัดนครสวรรค์ได้โทรศัพท์สอบถามอาการป่วยของบิดาจำเลยที่กรุงเทพมหานคร ปรากฏว่าบิดาจำเลยป่วยหนัก วันนั้นเวลาประมาณ16-17 นาฬิกา จำเลยจึงพาภริยาจำเลยเดินทางไปกรุงเทพมหานครนั้น เห็นว่า จำเลยมิได้กล่าวอ้างตั้งแต่ต้น ตามคำให้การจำเลยชั้นสอบสวนเอกสารหมาย จ.8 จำเลยมิได้ให้การว่าวันเกิดเหตุจำเลยพาภริยาเดินทางไปเยี่ยมบิดาจำเลยซึ่งป่วยหนักที่กรุงเทพมหานครแต่อย่างใด ส่อให้เห็นเป็นพิรุธ ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ที่จำเลยอ้างว่า ไม่ปรากฏชัดเจนว่าผู้ตายกับจำเลยมีสาเหตุหมางใจกันเรื่องไม้นั้น เห็นว่า โจทก์มีนางจำเนียรภริยาผู้ตายเป็นพยานเบิกความว่า ก่อนผู้ตายจะถึงแก่ความตาย 7-8 วันผู้ตายได้เล่าให้พยานฟังว่าได้มีปากเสียงกับจำเลยเรื่องค้าไม้โดยผู้ตายเข็นไม้ออกมาขายให้แก่จำเลย จำเลยคัดเอาแต่ไม้ดี ๆไว้ ไม้ไม่ดีไม่เอา และนายมานิตย์พยานโจทก์เบิกความว่า ก่อนที่ผู้ตายจะถูกฆ่า ผู้ตายมีเรื่องเล็กน้อยกับจำเลยที่หน้าบ้านพยานเรื่องค้าไม้ โดยผู้ตายว่าจำเลยคัดเอาแต่ไม้ดี ไม้ไม่ดีไม่เอาจากคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวเชื่อว่าก่อนเกิดเหตุ 7-8 วันจำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงกันในการซื้อขายไม้ ที่จำเลยอ้างว่านายอำนวยพยานโจทก์เบิกความว่าได้ยินเสียงผู้ตายร้องด่าจำเลยก่อนถูกยิง ก็ไม่ปรากฏว่าขณะนั้นจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุหรือไม่นั้นเห็นว่า ก่อนที่ผู้ตายจะถูกยิง นายอำนวยได้ยินเสียงผู้ตายร้องด่าจำเลย และเมื่อเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด แล้วนางจำนองออกจากบ้านไปดูก็เห็นผู้ตายยืนอยู่บนถนนท้ายรถปิดอัพซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับ ครั้นเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลงนอนอยู่ข้างถนน แล้วจำเลยจึงขับรถปิกอัพออกไปทางบ้านหินดาดต่อมาไม่นานจึงขับรถกลับมารับภริยาและบุตรจำเลยหลบหนีไปแสดงให้เห็นว่า ขณะที่ผู้ตายร้องด่าจำเลยนั้นจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ที่จำเลยอ้างว่านายอำนวยพยานโจทก์เบิกความว่าขณะดูศพผู้ตายเห็นจำเลยขับรถปิกอัพผ่านไปแสดงว่าคนยิงผู้ตายไม่ใช่จำเลย หากจำเลยเป็นคนร้ายคงหลบหนีไปแล้วนั้นได้ความว่าเมื่อเสียงปืนนัดที่สามดังขึ้นแล้ว จำเลยขับรถปิกอัพออกไปทางบ้านหินดาด หลังจากนั้นไม่นานจำเลยก็ขับรถย้อนกลับมารับภริยาและบุตรจำเลยหลบหนีไป เห็นว่า จำเลยขับรถออกไปจากที่เกิดเหตุแล้วขับรถกลับมารับภริยาและบุตรจำเลยหลบหนีไปอีกเช่นนี้นายอำนวยจึงเห็นจำเลยขับรถผ่านไปในขณะที่ดูศพผู้ตายได้ และที่จำเลยอ้างว่าพนักงานสอบสวนเบิกความว่าได้สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าจำเลยเป็นคนร้ายจึงได้ระบุชื่อจำเลยเป็นผู้ที่ทำให้ตายไว้ในรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง เป็นเพียงพยานบอกเล่า ทั้งไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยเป็นคนร้ายแต่อย่างใดนั้น เห็นว่าจากการสืบสวนของร้อยตำรวจโทประสพและการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเบื้องต้นได้ความตรงกันว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้ มีการทำบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุและรายงานการชันสูตรพลิกศพไว้ รวมทั้งได้สอบสวนนางจำนองซึ่งรู้เห็นเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐานในวันเดียวกันนั้นด้วยพยานหลักฐานดังกล่าวเกิดจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่มีหลักฐาน มิใช่พยานบอกเล่าอันเลื่อนลอย จึงรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้ กล่าวโดยสรุป พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมาข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายหลายนัดกระสุนปืนถูกผู้ตายที่บริเวณหน้าท้อง เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย เว้นแต่ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. 1 ปลอก ของกลางซึ่งคาอยู่ในรังเพลิงของอาวุธปืนฝ่ายผู้ตายนั้น มิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดจึงสั่งริบไม่ได้”
พิพากษายืน เว้นแต่ไม่ริบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. 1 ปลอกของกลาง