คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาทซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ จำเลยฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ปลูกสร้างห้องขึ้นอีก 1 หลังหลังห้องแถวพิพาท ซึ่งโจทก์ทราบและยินยอมให้ปลูก ขอให้พิพากษาว่าอาคารห้องแถวที่ปลูกขึ้นใหม่เป็นของจำเลย ให้จำเลยมีสิทธิ์อยู่ในอาคารนั้น หรือให้จำเลยรื้อถอนอาคารนั้นไปได้ ฟ้องแย้งจึงเป็นกรณีต่างเรื่องต่างประเด็นกับคำฟ้องเดิม ศาลย่อมไม่รับฟ้องแย้งดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เช่าห้องแถวของโจทก์ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินราชพัสดุ โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าห้องของโจทก์ต่อไป จึงบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่า บัดนี้ล่วงพ้นกำหนดระยะเวลาที่โจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญา ขอให้ใช้ค่าเสียหายและขับไล่
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์จำเลยตกลงกันก่อนจะมีการเช่าว่าโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าอยู่ตลอดจนถึง พ.ศ. ๒๕๑๗ ก่อนจะสิ้นอายุตามข้อตกลงโจทก์จะขายห้องที่จำเลยเช่าและโอนสิทธิ์การเช่าให้ จำเลยจึงได้ปลูกห้องขึ้นอีก ๑ หลัง โจทก์ก็ทราบและยินยอมให้ปลูก การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ถือได้ว่าโจทก์ใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต และไม่มีอำนาจฟ้อง การบอกเลิกการเช่าของโจทก์จึงไม่ชอบ ขอให้พิพากษาว่าอาคารที่ปลูกขึ้นใหม่หลังห้องแถวพิพาทเป็นของจำเลย ให้จำเลยมีสิทธิ์อยู่ในอาคารนั้น หรือให้จำเลยรื้อถอนไปได้
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่ได้ตกลงจะขายห้องพิพาทให้จำเลย จำเลยได้ปลูกห้องแถวติดหลังห้องพิพาทขึ้นอีก ๑ ห้อง โดยมิได้รับความยินยอมหรือรับอนุญาตจากโจทก์ โจทก์บอกให้จำเลยรื้อถอนออกไป จำเลยรับว่าเมื่อโจทก์เลิกสัญญาเช่าห้องพิพาท จำเลยจะยกห้องที่จำเลยปลูกสร้างให้เป็นของโจทก์ และห้องที่จำเลยปลูกสร้างขึ้นนั้นติดกับห้องพิพาท จึงตกเป็นส่วนควบของห้องพิพาท
ในวันชี้สองสถาน จำเลยยอมรับว่าที่โจทก์จะขายห้องแถวที่จำเลยเช่าและโอนสิทธิ์การเช่านั้นไม่ได้ทำเป็นหนังสือ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าคำฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวกับคำฟ้องของโจทก์ ขอให้พิพากษายกคำฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้งดการชี้สองสถานและสืบพยานของทั้งสองฝ่ายแล้ววินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยรับว่าโจทก์มิได้ทำสัญญาไว้เป็นหนังสือให้จำเลย จำเลยจะอ้างเป็นเหตุบังคับให้โจทก์ขายห้องแถวให้ตนตามสัญญาไม่ได้ ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าการบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์มิชอบ จึงเป็นอันตกไป คดีฟังได้ว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าโดยชอบแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิ์อยู่ในห้องพิพาทต่อไปคำฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาทซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ จำเลยฟ้องแย้งว่าจำเลยได้ปลูกห้องขึ้นอีก ๑ หลัง ซึ่งโจทก์ทราบและยินยอมให้ปลูก ขอให้พิพากษาว่าอาคารห้องแถวที่ปลูกขึ้นใหม่หลังห้องแถวพิพาทเป็นของจำเลย และให้จำเลยมีสิทธิ์อยู่ในอาคารนั้น หรือให้จำเลยรื้อถอนอาคารนั้นไปได้ ดังนี้เห็นได้ว่าฟ้องเดิมโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาทที่จำเลยเช่า ฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่ขอให้จำเลยมีสิทธิ์อยู่ในอาคารที่จำเลยปลูกสร้างขึ้นใหม่ หรือมีสิทธิ์รื้อถอนอาคารนั้นออกไปได้ ฟ้องแย้งจึงเป็นกรณีต่างเรื่องต่างประเด็นกับคำฟ้องเดิม ข้ออ้างของจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนประเด็นข้อบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าของโจทก์เป็นการใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าประเด็นข้อนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ จำเลยจะยกขึ้นฎีกาไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙
พิพากษายืน.

Share