คำสั่งคำร้องที่ 243/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาจำเลยทุกข้อเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับฎีกาจำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โดยฎีกาข้อ 2 เป็นปัญหาว่า ผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์หรือฟ้องร้องหรือมอบอำนาจให้บุคคลใดกระทำการแทน การดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนจึงขัดต่อกฎหมาย ส่วนฎีกาข้อ 3 เป็นปัญหาว่า การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับฟังคำเบิกความของพยานบอกเล่าแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และฎีกาข้อ 4 เป็นปัญหาว่า เมื่อโจทก์นำสืบถึงตัวผู้เสียหายผิดไปจากฟ้องจึงเป็นปัญหาว่าเป็นผู้เสียหายจริงหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 67 แผ่นที่ 2)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(8) และวรรคสอง จำคุก 4 ปีคำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 62)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 65)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว พนักงานสอบสวนย่อมมีอำนาจสอบสวนโดยไม่จำต้องมีคำร้องทุกข์ ที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์หรือมอบอำนาจให้บุคคลใดกระทำการแทนการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนจึงขัดต่อกฎหมายนั้น เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ฎีกาของจำเลยข้ออื่น เป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share