คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2515/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเทศบาลมีหน้าที่ดูแลรักษาสระน้ำพุและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำน้ำพุให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและปลอดภัย การที่จำเลยปล่อยปละละเลยไม่จัดหาอุปกรณ์มาปิดบังหรือเก็บซ่อนสายไฟฟ้าที่ต่อจากมอเตอร์ มายังเครื่องปั๊มน้ำมันซึ่งมีสภาพเก่าไว้ให้มิดชิด แต่กลับปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้ง ทั้งจำเลยทราบแล้วว่าในวันเกิดเหตุเป็นวันสงกรานต์ มีผู้มาเล่นน้ำบริเวณน้ำพุกันมากรวมทั้งเอาน้ำในสระดังกล่าวสาดรด กัน ทำให้บริเวณรอบ ๆ น้ำพุเปียกน้ำ เป็นเหตุให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วจากเครื่องทำน้ำพุลงไปในสระน้ำ ทำให้บุตรโจทก์ซึ่งลงไปเล่นน้ำในสระดังกล่าวถูกไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตายเช่นนี้ ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลย สระน้ำพุดังกล่าวจำเลยสร้างขึ้นเพื่อความสวยงาม และเป็นที่พักผ่อนหย่อน ใจของประชาชน การที่ผู้ตายลงไปเล่นน้ำในสระน้ำพุดังกล่าว ซึ่งมิใช่สถานที่จัดให้ลงไปเล่นน้ำได้ เหตุที่เกิดขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นเพราะความผิดของผู้ตายประกอบอยู่ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ค่าสินไหมทดแทนอันโจทก์ควรจะได้รับมากน้อยเพียงใด จึงต้องอาศัยพฤติการณ์แห่งกรณีเป็นประมาณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ จำเลยประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าของสระน้ำพุให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย และไม่กั้นรั้วล้อมรอบสระดังกล่าวไม่ปักป้ายห้ามลงเล่นน้ำในสระ เป็นเหตุให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วลงไปในสระ ทำให้บุตรโจทก์ซึ่งลงเล่นน้ำในสระดังกล่าวถูกไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตาย ขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 100,000 บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ทำละเมิด ไม่มีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลลงในสระน้ำพุ จำเลยสร้างสระน้ำพุเพื่อความสวยงามและใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน จำเลยทำรั้วล้อมรอบบริเวณอนุเสาวรีย์ได้ปักป้ายประกาศห้ามลงเล่นน้ำ และจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลห้ามมิให้ประชาชนลงเล่นน้ำ การตายของบุตรโจทก์มิได้เกิดจากถูกกระแสไฟฟ้าดูด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์รวม92,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบุตรโจทก์ถูกกระแสไฟฟ้าในสระน้ำพุดูดถึงแก่ความตายและมีกระแสไฟฟ้ารั่วจากเครื่องทำน้ำพุจริง มีปัญหาว่า จำเลยประมาทเลินเล่อหรือไม่เห็นว่า ตามภาพถ่ายเครื่องทำน้ำพุ เอกสารหมาย จ.6 มีสายไฟฟ้าต่อจากมอเตอร์ไปยังเครื่องปั๊มน้ำ และจากปั๊มน้ำมีท่อเหล็กส่งน้ำต่อไปที่หัวฉีดน้ำพุในสระน้ำ สายไฟฟ้าที่ต่อจากมอเตอร์มายังเครื่องปั๊มน้ำมีสภาพเก่าและปล่อยไว้กลางแจ้งโดยไม่มีอุปกรณ์ปิดบังหรือเก็บซ่อนไว้ให้มิดชิดแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเกิดเหตุซึ่งเป็นวันสงกรานต์ มีผู้มาเล่นน้ำบริเวณสระน้ำพุกันมาก รวมทั้งเอาน้ำในสระสาดรดกันจนทำให้บริเวณดังกล่าวเปียกน้ำด้วย เมื่อสายไฟฟ้าถูกน้ำทำให้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่วไหลไปตามท่อเหล็กจากปั๊มน้ำลงไปในสระน้ำพุดังกล่าว ซึ่งหากจำเลยไม่ปล่อยปละละเลยแต่ได้ดูแลรักษาสายไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยปลอดภัยแล้วก็จะไม่ทำให้กระแสไฟฟ้ารั่วไหลดังเช่นที่เกิดขึ้นนี้ได้ นอกจากนี้ไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ของจำเลยมาห้ามปรามมิให้ลงเล่นน้ำหรือคอยรักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนแต่อย่างใด บริเวณสระน้ำพุก็ไม่มีป้ายห้ามลงเล่นน้ำในสระด้วย ถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย จำเลยต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดดังกล่าว
สำหรับจำนวนค่าสินไหมทดแทนนั้น เห็นว่า การที่ผู้ตายลงไปเล่นน้ำในสระน้ำพุดังกล่าวซึ่งมิใช่สถานที่จัดให้ลงไปเล่นน้ำได้แต่เป็นสระน้ำพุที่จำเลยจัดสร้างขึ้นเพื่อความสวยงาม และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนเท่านั้น เหตุที่เกิดขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นเพราะความผิดของผู้ตายประกอบอยู่ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ค่าสินไหมทดแทนอันโจทก์ควรจะได้รับมากน้อยเพียงใด จึงต้องอาศัยพฤติการณ์แห่งกรณีเป็นประมาณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223 โดยเฉพาะคดีนี้ศาลฎีกาเห็นสมควรให้โจทก์ได้รับค่าสินไหมทดแทนรวม 60,000 บาทฎีกาจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 60,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์ 1,000 บาท.

Share