คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2512/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลย(สามี) ต้องไปอยู่ต่างจังหวัดเพราะถูกทางราชการย้ายไป และโจทก์(ภรรยา) มิได้ตามไปอยู่ด้วยเพราะมีภาระที่จะต้องดูแลบุตร บ้าน และทำการค้าขาย จะถือว่าจำเลยจงใจจะทิ้งร้างโจทก์ไม่ได้ และแม้หากจะฟังว่าจำเลยไม่เสียกับหญิงอื่น และได้พาหญิงอื่นไปไหว้มารดาจำเลยซึ่งอยู่บ้านเดียวกันกับโจทก์ ก็ยังไม่เป็นพฤติการณ์เพียงพอที่จะถือว่าจำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุหย่าได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นสามีมิได้อยู่กินกับโจทก์ฉันสามีภรรยา ทั้งไม่ให้ความอุปการะเลี้ยงดูโจทก์และบุตรเกินกว่า ๑ ปี และยังทำการปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยาอย่างร้ายแรง โดยได้หญิงอื่นเป็นภรรยา ยกย่องอยู่กินฉันสามีภรรยาโดยเปิดเผย ขอให้ศาลพิพากษาหย่า
จำเลยให้การว่ามิได้ทอดทิ้งโจทก์และบุตร ไม่เคยมีภรรยาใหม่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากัน จำเลยถูกย้ายต้องไปอยู่ต่างจังหวัดอื่นโดยโจทก์ มิได้ตามไปอยู่ด้วยเพราะมีภาระที่จะต้องดูแลบุตร บ้านและทำการค้าขาย และภายใน ๑ ปีก่อนฟ้องจำเลยบวชเป็นภิกษุ ได้มาบิณฑบาตที่บ้านโจทก์ เป็นการปฏิบัติตามควยแก่ภาระสงฆ์ จะถือว่าจำเลยจงใจจะทิ้งร้างโจทก์ไม่ได้ แม้จะฟังว่าจำเลยได้เสียกับหญิงอื่น แต่ไม่ได้ความว่าจำเลยยกย่องออกหน้าออกตาว่าเป็นภรรยา ยังไม่เป็นพฤติการณ์เพียงพอที่จะถือว่าจำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุหย่าได้
พิพากษายืน
(พิสัณห์ ลีตเวทย์ บัญญัติ สุชีวะ สวัสดิ์ สุขศรีวงษ์)

Share