แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์และเรียกค่าเสียหายจำเลยให้การว่าโจทก์จำเลยสมัครใจวิวาททำร้ายกัน ขอให้ยกฟ้อง ดังนี้แม้จะปรากฏว่าจำเลยเคยถูกพนักงานอัยการฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ และจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม กรณีก็ยังต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าโจทก์จำเลยสมัครใจวิวาททำร้ายกันหรือไม่ เมื่อพยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยสมัครใจวิวาทกัน โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้เหง้ามันสำปะหลังตีโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ต่อมาพนักงานอัยการฟ้องจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย54,340 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกันโดยโจทก์ใช้เหง้ามันสำปะหลังตีจำเลยศีรษะแตก โจทก์บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยค่าเสียหายเกินความจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 9,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 13,170 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม2526 เวลากลางวัน จำเลยใช้เหง้ามันสำปะหลังตีทำร้ายโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันจำเลยถูกฟ้องและศาลพิพากษาลงโทษ ปรากฏตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1494/2526 คดีหมายเลขแดงที่ 1310/2526 ของศาลชั้นต้นคดีถึงที่สุดจำเลยฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้ก่อเหตุใช้ให้นายตบไถที่ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยจำเลยได้ตักเตือน โจทก์กลับท้าทายและใช้เหง้ามันสำปะหลังตีจำเลยถูกศีรษะแตกเลือดไหลจำเลยจึงได้ใช้เหง้ามันสำปะหลังตีโจทก์บ้าง โจทก์จำเลยสมัครใจวิวาทกัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายนั้น ปัญหาวินิจฉัยจึงมีว่า โจทก์จำเลยสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกันหรือไม่ ปรากฏตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1310/2526 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โจทก์ นายบุญส่งหรือบี้ แซ่พัว จำเลยพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีเป็นโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจใช้ต้นมันสำปะหลังเป็นอาวุธตีนางฉลอม แซ่เตียว ผู้เสียหาย จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายรับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 297 จำเลยให้การรับสารภาพ และได้ยื่นคำแถลงประกอบคำรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุจำเลยพบผู้เสียหายกำลังไถดินรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลย จำเลยได้ว่ากล่าวตักเตือนและขอให้กลบที่ดินให้ดีเหมือนเดิม ผู้เสียหายไม่ยอมและพูดท้าทายว่า ไม่ทำแล้วอะไรจะเกิดขึ้น จำเลยจึงเกิดโทสะจึงหยิบต้นมันสำปะหลังตีผู้เสียหาย 2-3 ที เป็นการสั่งสอน คำเบิกความของจำเลยและพยานจำเลยที่ว่าวันเกิดเหตุโจทก์จำเลยเกิดโต้เถียงแนวเขตที่ดินกัน โจทก์ใช้เหง้ามันสำปะหลังตีจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้เหง้ามันสำปะหลังตีโจทก์บ้าง โจทก์จำเลยสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ขัดกับคำแถลงประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในคดีอาญาดังกล่าว พยานจำเลยไม่มีน้ำหนักพอที่จะเชื่อถือได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าวันเกิดเหตุโจทก์จำเลยเกิดโต้เถียงแนวเขตที่ดินกัน จำเลยอ้างว่าโจทก์ให้คนไถดินรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลย จำเลยให้ไถกลบที่ดินให้เหมือนเดิมโจทก์ไม่ยอมและพูดว่าไม่ไถกลบแล้วอะไรจะเกิดขึ้น จำเลยจึงเกิดโทสะจึงใช้เหง้ามันสำปะหลังตีทำร้ายโจทก์พยานจำเลยฟังไม่ได้ว่าโจทก์สมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกับจำเลย โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหาย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 10,920บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.