คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในชั้นแรก ผู้เช่าจะใช้ตึกพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยก็ตาม แต่ต่อมาเมื่อผู้เช่าได้ใช้ตึกพิพาทเป็นที่ประกอบการค้าแล้วผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าเคหะและที่ดินฯและโดยที่เรื่องนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลจึงย่อมวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวจากโจทก์เพื่อใช้ประกอบการค้าโดยใช้เป็นโรงงานทำขนมปังและที่ขายสุราอาหาร ครบกำหนดการเช่าจำเลยยังคงใช้ที่เช่าต่อมา เป็นการเช่าไม่มีกำหนดเวลา จำเลยก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่นในที่เช่า โจทก์บอกเลิกการเช่าจำเลยไม่ยอมออก ขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การต่อสู้ปฏิเสธฟ้อง

ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยาน พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากสถานที่เช่าของโจทก์ และใช้ค่าเสียหาย

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้หากความจริงจะเป็นดังที่จำเลยอ้างว่าเดิมใช้ตึกพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยด้วยก็ตาม แต่เมื่อต่อมาจำเลยได้ใช้ตึกพิพาทำการค้าสมกับข้อความในสัญญาเช่า แต่ได้มีการเสียเงินกินเปล่าให้โจทก์ด้วย ก็เห็นได้ว่าวัตถุประสงค์แห่งการเช่าตึกพิพาทของจำเลยได้เปลี่ยนไปเป็นเพื่อประกอบการค้าแล้ว ดังนี้ จะฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่ออยู่อาศัยหาได้ไม่จำเลยย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ตามฎีกาของจำเลย และประเด็นข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลย่อมวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share