คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขายฝากทรัพย์ให้กับโจทก์ แล้วต่อมาจำเลยยังไม่ออกไปจากทรัพย์นั้น ขอให้ขับไล่ จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาขายฝากจริงแต่เป็นการทำลวงไว้เท่านั้น เมื่อมีคำรับของจำเลยว่ามีการขายฝากกันจริงและมีข้ออ้างของจำเลยโดยเฉพาะขึ้นใหม่ว่าสมคบกันทำไว้ลวงคนอื่นดังนี้ จำเลยต้องนำสืบก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเอาที่ดิน 1 แปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างมาทำสัญญาขายฝากไว้กับโจทก์ ณ ที่ว่าการอำเภอ จำเลยไม่ไถ่ถอนการขายฝากภายในกำหนด โจทก์แจ้งให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจำเลยเพิกเฉยขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรายนี้

จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาขายฝากไว้ดังที่โจทก์กล่าวในฟ้องจริงแต่โจทก์กับจำเลยตกลงกันทำลวงไว้ทั้งฉบับ ไม่มีการรับเงินกันจริง การทำนิติกรรมลวงรายนี้ก็เพื่อโจทก์จะได้หลีกเลี่ยงไม่ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ของโจทก์

ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อน เมื่อสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วฟังว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากกันจริง โดยไม่ใช่เจตนาทำลวงกันไว้พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยคัดค้านว่าศาลชั้นต้นกำหนดหน้าที่ให้จำเลยนำสืบก่อนเป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นสั่งชอบแล้ว เพราะโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขายฝากทรัพย์ให้กับโจทก์ แล้วต่อมาจำเลยยังไม่ออกไปจากทรัพย์อันนั้น ขอให้ขับไล่ จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาขายฝากจริง แต่เป็นการทำลวงกันไว้เท่านั้น กรณีไม่ได้เป็นไปจริงดังที่แสดงออกไว้ในสัญญานั้น คำรับของจำเลยดังกล่าวมานี้ เป็นเรื่องที่ตามปกติในเบื้องต้นก็เป็นผลตามกฎหมายกันอยู่ว่าเมื่อจำเลยทำการขายฝากให้เขาไว้แล้วทรัพย์นั้นก็ตกเป็นของผู้ซื้อฝาก ผู้ขายฝากต้องส่งมอบหรือออกไปจากทรัพย์นั้น เพราะเจ้าของใหม่เขามีสิทธิ ฉะนั้น ข้อที่อ้างต่อไปว่าสัญญาขายฝากที่ทำไว้นั้นไม่ใช่เป็นของจริงแต่เป็นของที่หลอกที่สมคบกันทำไว้ลวงคนอื่น จึงเป็นข้ออ้างของจำเลยโดยเฉพาะขึ้นใหม่ จำเลยก็ต้องนำสืบก่อน แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า กรณีนี้คู่ความทำสัญญาขายฝากกันโดยแท้จริง

พิพากษายืน

Share