คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2511/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ค่าชดเชยของโจทก์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ไม่เป็นบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253 ส่วนหนี้ค่าจ้างคนงานที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์เป็นบุริมสิทธิตามมาตรา 253(4) และมาตรา 257 วรรคสอง ซึ่งโจทก์มีบุริมสิทธิในมูลค่าจ้างนับถอยหลังไปสองเดือนแต่ไม่เกิน 150 บาท

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าจ้างค้างชำระและค่าชดเชยให้แก่โจทก์จำนวนหนึ่ง แต่จำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยที่ 1 เพื่อขายทอดตลาด

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์อ้างว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ผู้ร้องตามคำพิพากษาศาลแพ่งจำนวนหนึ่ง ผู้ร้องไม่สามารถจะเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ได้ เนื่องจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ถูกโจทก์ยึด ทั้งจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดพอที่จะยึดหรืออายัดเพื่อชำระหนี้แก่ผู้ร้องจนครบถ้วนได้

โจทก์คัดค้านว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิ มีสิทธิได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนก่อนเจ้าหนี้อื่น จำเลยที่ 1 มีทรัพย์สินอื่นอีกพอที่ผู้ร้องจะบังคับคดีเอาได้สิ้นเชิง ขอให้ยกคำร้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้ให้กับผู้ร้องโดยสิ้นเชิง ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์สินได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าจ้างและค่าชดเชยแก่โจทก์ โจทก์จึงมีบุริมสิทธิในมูลค่าจ้างเป็นเงิน150 บาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 257 ให้กันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไว้ 150 บาทแก่โจทก์ก่อน ที่เหลืออนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยเงินที่ขายทอดตลาดได้ตามคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า บุริมสิทธิสามัญจะมีได้เฉพาะมูลหนี้ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253 ซึ่งมี (1) ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน (2) ค่าปลงศพ(3) ค่าภาษีอากร (4) ค่าจ้างเสมียน คนใช้และคนงาน (5) ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำเป็นประจำวัน หนี้ค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน มิใช่มูลหนี้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าว จึงไม่เป็นบุริมสิทธิ ส่วนค่าจ้างคนงานนั้นเป็นบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253(4) ประกอบกับมาตรา 257 วรรคสองซึ่งบัญญัติว่าบุริมสิทธิในมูลค่าจ้างคนงานนั้นใช้สำหรับเอาค่าจ้างนับถอยหลังขึ้นไปสองเดือน แต่ไม่ให้เกิน 150 บาท ต่อคนงานคนหนึ่ง ๆ ซึ่งหมายความว่าบุริมสิทธิในมูลค่าจ้างคนงานนั้นให้นับถอยหลังไปสองเดือน แต่ถ้าหากค่าจ้างสองเดือนดังกล่าวมีจำนวนเงินเกินกว่า 150 บาท ก็ให้มีบุริมสิทธิในมูลหนี้นั้นเพียง 150 บาท โจทก์ได้รับค่าจ้างเดือนละ 7,715 บาท ค่าจ้าง 2 เดือนมีจำนวนมากกว่า 150 บาท โจทก์จึงมีบุริมสิทธิในมูลค่าจ้าง 150 บาท

พิพากษายืน

Share