แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยว่าคดีใดจะอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานหรือไม่ ย่อมถึงที่สุดตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคสอง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัด แม้จะสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ก็ไม่ต้องรับผิดในหนี้เกี่ยวกับการจ้างแรงงานของลูกจ้างห้างหุ้นส่วนเพราะหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่นายจ้างต้องรับผิดต่อลูกจ้าง หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดไม่มีความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจ้างจึงไม่ต้องรับผิด
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1088 เป็นกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดทำผิดหน้าที่ ซึ่งต้องรับผิดในหนี้อันเกี่ยวกับกิจการที่สอดเข้าไปเกี่ยวข้องต่อบุคคลภายนอก มิใช่ต้องรับผิดในหนี้อันเกิดจากความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด แต่สอดเข้าเกี่ยวข้องจัดการงานของจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 จัดการกิจการและจ้างลูกจ้างเพื่อประโยชน์ของจำเลยทั้งสาม จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ตามกฎหมาย จำเลยทั้งสามจ้างโจทก์ทุกคนเป็นลูกจ้างประจำเป็นเวลากว่า 3 ปี ต่อมาวันที่ 2 มิถุนายน 2525 จำเลยบอกเลิกจ้างโจทก์ โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าหรือจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าและไม่จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ รวมทั้งค่าทำงานในวันหยุดขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระเงินดังกล่าวให้โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเพียงแต่ในนาม ความจริงจำเลยที่ 3 เป็นผู้บริหารจัดการงานของห้างหุ้นส่วนเองแต่ผู้เดียว จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชอบในค่าจ้าง ค่าชดเชยและสินจ้างตามที่โจทก์ฟ้องหากจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดก็เนื่องจากจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดได้เข้าเกี่ยวข้องในกิจการของจำเลยที่ 1 ตลอดมา จำเลยที่ 3 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขอให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดและได้ใช้หรือชำระมูลค่าหุ้นครบถ้วนแล้ว จำเลยที่ 3 ไม่เคยเข้าไปสอดจัดการใด ๆ ในกิจการของจำเลยที่ 1 การดำเนินงานของจำเลยที่ 1 ทั้งหมดอยู่ในอำนาจและความรับผิดของจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวจำเลยที่ 2 เป็นผู้ดำเนินการจัดการงานแทนจำเลยที่ 1 มาตลอดจำเลยที่ 3 เป็นเพียงผู้ดูแลครอบงำการจัดการงานของจำเลยที่ 2 ที่ได้กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ตามกฎหมายเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 แถลงรับว่าเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 แถลงว่าเป็นเพียงหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด ไม่ได้เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของจำเลยที่ 1
ก่อนสืบพยานจำเลยที่ 3 ขอให้ศาลแรงงานกลางส่งสำนวนไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยปัญหาว่า คดีในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3 ซึ่งโจทก์อ้างว่าสอดเข้าไปจัดการงานในกิจการของจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 นั้น เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลางหรือไม่ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางได้มีคำวินิจฉัยที่ 1588/2525 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2525 ว่า ฟ้องของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3 เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงาน
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้กระทำแทนจำเลยที่ 1 เป็นนายจ้างของโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 3 มิใช่นายจ้างของโจทก์ จำเลยที่ 3 ได้สอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของจำเลยที่ 1 ในด้านความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจ้าง จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดในค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกเลิกจ้างล่วงหน้าค่าทำงานวันหยุดต่อโจทก์ เนื่องจากจำเลยที่ 3 มิใช่นายจ้างของโจทก์ แต่จำเลยสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวนตามมาตรา 1088 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พิพากษาให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2ในฐานะผู้กระทำการแทนจำเลยที่1 และจำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคสองบัญญัติว่า ในกรณีมีปัญหาว่าคดีใดจะอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในศาลแรงงานหรือศาลอื่นให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นผู้วินิจฉัย คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางให้เป็นที่สุด คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางดังกล่าวจึงถึงที่สุด ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ที่จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 3 ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ชำระค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนประจำปีและค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณีให้แก่โจทก์นั้น ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 2 เป็นผู้กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นนายจ้างของโจทก์ตามข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 จำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด จำเลยที่ 3 มิได้เป็นนายจ้างของโจทก์ จำเลยที่ 3 ได้สอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของจำเลยที่ 1 เห็นว่า ค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกเลิกจ้างล่วงหน้า ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนประจำปี และค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณี เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างจำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินดังกล่าว ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1088 บัญญัติว่า ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ผู้ใดสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ท่านว่า ผู้นั้นจะต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนนั้นโดยไม่จำกัดจำนวน นั้น เป็นกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดหน้าที่ซึ่งต้องรับผิดในหนี้อันเกี่ยวกับกิจการที่สอดเข้าไปเกี่ยวข้องต่อบุคคลภายนอก มิใช่ต้องรับผิดในหนี้อันเกิดจากความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจ้าง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3