คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ในคดีอาญาที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาว่าร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 คดีไม่มีมูล จึงประทับฟ้องจำเลยที่ 1 และยกฟ้องจำเลยที่ 2 คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 1 มีผลให้คดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลเท่านั้น ยังไม่ได้ชี้ว่าหนังสือมอบอำนาจปลอมหรือไม่ และคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ยังไม่ถึงที่สุด ทั้งไม่อาจนำมาผูกพันจำเลยที่ 2 ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิด จึงมิใช่ข้อเท็จจริงที่จะฟังในคดีแพ่งว่าหนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารปลอม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 713 เลขที่ดิน 263 ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ระหว่างโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้รับมอบอำนาจกับจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ที่โจทก์ฎีกาข้อต่อไปว่า โจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีอาญาแก่จำเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 1 มีมูล แต่คดีโจทก์ในส่วนจำเลยที่ 2 ไม่มีมูล จึงประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 และยกฟ้องจำเลยที่ 2 ย่อมชี้ให้เห็นว่า หนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.11 เป็นหนังสือมอบอำนาจปลอมนั้น เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 มีผลให้คดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลเท่านั้น ยังไม่ได้ชี้ว่าหนังสือมอบอำนาจปลอมหรือไม่ และคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ก็ยังไม่ถึงที่สุด ทั้งไม่อาจนำมาผูกพันจำเลยที่ 2 ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิด จึงมิใช่ข้อเท็จจริงที่จะฟังในคดีนี้ได้ว่าหนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารปลอม ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…”
พิพากษายืน

Share