แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยรับจ้างต่อเรือให้แก่โจทก์ซึ่งอาจกระทำให้เสร็จได้ภายในกำหนดเวลา 14 เดือน แม้สัญญาจ้างต่อเรือจะมิได้กำหนดเวลาต่อเรือให้แล้วเสร็จไว้ก็ตาม แต่ปรากฏว่านับตั้งแต่จำเลยทำสัญญารับจ้างต่อเรือจนถึงวันที่โจทก์ได้ชำระเงินให้จำเลยครั้งสุดท้ายเป็นเวลาร่วม 18 เดือนเศษ จำเลยทำการต่อเรือได้เพียงตั้งกระดูกงู ตั้งกงและโขนหัวเรือเท่านั้น หลังจากนั้นจำเลยมิได้ดำเนินการต่อเรือให้โจทก์อีก โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยต่อเรือให้เสร็จภายในกำหนด 2 เดือน จำเลยได้รับหนังสือแล้วมิได้ดำเนินการประการใดซึ่งเป็นระยะเวลาต่อมาอีกถึง 2 ปี เห็นได้ว่าจำเลยจงใจที่จะไม่ทำการต่อเรือให้โจทก์ตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกคืนค่าจ้างที่จ่ายให้แก่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยผิดสัญญารับจ้างต่อเรือให้โจทก์ ไม่ใช่เรื่องนายจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างอันตนได้จ่ายล่วงหน้าให้ไปจากบุคคลผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(8) ซึ่งมีอายุความ 2 ปีแต่อยู่ในอายุความ 10 ปีตามมาตรา 164
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญารับจ้างต่อเรือให้แก่โจทก์ และได้รับเงินไปแล้วรวม ๙๐,๐๐๐ บาท แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้าง และต่อเรือไม่เสร็จตามสัญญา ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินค่าจ้างที่รับไปแล้วและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ และต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้ผิดสัญญา พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง และให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทกาสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเบิกความว่าต่อเรือเสร็จได้ภายในกำหนดเวลา๑๒ – ๑๔ เดือน และแม้สัญญาจ้างต่อเรือตามเอกสารหมาย จ.ล.๑ จะมิได้กำหนดเวลาต่อเรือให้แล้วเสร็จไว้ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นับตั้งแต่จำเลยทำสัญญารับจ้างต่อเรือให้โจทก์วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ เป็นต้นมาจนถึงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๒๑ อันเป็นวันที่โจทก์ได้ชำระเงินให้จำเลยอีก ๔๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินที่จำเลยได้รับไว้ทั้งสิ้น ๙๐,๐๐๐ บาท เป็นเวลาร่วม ๑๘ เดือนเศษ จำเลยทำการต่อเรือให้โจทก์ได้เพียงตั้งกระดูกงู ตั้งกงและโขนหัวเรือเท่านั้น หลังจากนั้นจำเลยมิได้ดำเนินการต่อเรือให้โจทก์อีก โจทก์ได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๒๓ บอกกล่าวให้จำเลยต่อเรือให้เสร็จเรียบร้อยภายในกำหนดเวลาสองเดือนตามเอกสารหมาย จ.๒ จำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวของโจทก์แล้วมิได้ดำเนินการประการใดซึ่งเป็นระยะเวลาต่อมาอีกสองปี เห็นได้ว่าจำเลยจงใจที่จะไม่ทำการต่อเรือให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้เมื่อสัญญาเลิกกันแล้ว จำเลยก็ต้องคืนเงินที่ได้รับไว้ทั้งหมดจากโจทก์ให้แก่โจทก์ และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
ปัญหาข้อกฎหมายในเรื่องอายุความวินิจฉัยว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกคืนค่าจ้างที่จ่ายให้แก่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยผิดสัญญารับจ้างต่อเรือให้โจทก์ ไม่ใช่เรื่องนายจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างอันตนได้จ่ายล่วงหน้าให้ไปจากบุคคลผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕(๘) ซึ่งมีอายุความ ๒ ปีดังฎีกาของจำเลย แต่อยู่ในอายุความ ๑๐ ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน