แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 ซึ่งมิใช่ความผิดต่อส่วนตัว แม้ผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ ก็ไม่ตัดสิทธิพนักงานอัยการที่จะฟ้องคดีนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 126 วรรคสอง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันจัดหางานด้วยการประกอบธุรกิจจัดหางานโดยเรียกและรับเงินค่าบริการ โดยมิได้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตามกฎหมายและจำเลยทั้งสองกับพวกโดยทุจริตร่วมกันหลอกลวงประชาชนทั่วไป ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ รับติดต่อ รับสมัครคนงานไปทำงานในต่างประเทศ ทำให้พวกผู้เสียหายหลงเชื่อมอบเงินให้แก่จำเลยกับพวกรวม ๑๐๔,๐๐๐ บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๔๓, ๘๓, ๙๑ พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๗, ๒๗ และให้จำเลยร่วมกันคืนเงิน ๑๐๔,๐๐๐ บาทแก่ผู้เสียหายทุกคน
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๔๓ จำคุกคนละ ๕ ปี และผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๗, ๒๗ จำคุกคนละ ๑ เดือน รวมจำคุกคนละ ๕ ปี ๑ เดือนและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน ๑๐๔,๐๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่า ผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์ไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลย ดังปรากฏตามเอกสารที่จำเลยอ้างหมาย ล.๑ แล้วก็ตาม แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๓ พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๗, ๒๗ ซึ่งมิใช่ความผิดต่อส่วนตัว การถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายดังกล่าว จึงไม่ตัดสิทธิพนักงานอัยการที่จะฟ้องคดีนี้ได้ ตามนัยที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๒๖ วรรคสอง ฉะนั้นสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๙ (๒)
พิพากษายืน