แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ครอบครองนาพิพาทเพื่อทำนาต่างดอกเบี้ยและประกันเงินกู้นั้นแม้จะครอบครองมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิเพราะเป็นการครอบครองแทนเจ้าของเดิม ไม่ใช่ยึดถือเพื่อตน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายบุตรนางน่วมได้กู้เงินนางโถมารดาโจทก์ไป ๓๐๐ บาท แล้วได้มอบนา ๒ แปลงให้นางโถยึดถือเป็นประกัน ต่อมานายบุตรนางน่วมถึงแก่กรรมและไม่มีทายาทมาไถ่ถอน นางโถมารดาโจทก์จึงได้โก่นสร้างที่นาให้ดีและได้แบ่งนาดังกล่าวให้โจทก์เป็นกรรมสิทธิต่อมาโจทก์จำเลยได้ปฏิบัติต่อกันมาจน พ.ศ.๒๔๙๒ โจทก์จึงไปกู้เงินนายแก้ว ๔,๒๐๐ บาท แล้วมอบนาให้นายแก้วยึดถือทำต่างดอกเบี้ยจนบัดนี้จำเลยได้นำเจ้าพนักงานไปรังวัดที่ขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิให้แก่จำเลย จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์
จำเลยปฏิเสธต่อสู้ว่า (๑) ไม่รับรองหนังสือเงินกู้ว่ามีเงิน (๒) อายุความที่โจทก์อ้างไม่เกี่ยวกับกำหนดเวลาให้ทายาทนำมาปรับแก่คดีนี้ไม่ได้ (๓) โจทก์และนางโถไม่เคยครอบครองที่พิพาท แม้จะครอบครองก็ครอบครองเพื่อประกันเงินกู้ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องในที่พิพาทต่อไป
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาคัดค้าน
ศาลฎีกาว่าการที่นายบุตรนางน่วมได้กู้เงินนางโถมารดาโจทก์และได้นำนาพิพาทให้นางโถยึดไว้เป็นประกันนั้น ไม่ทำให้นางโถเกิดทรัพย์สิทธิหรือบุริมสิทธิเหนือนารายพิพาท ตาม ก.ม.แต่อย่างใดเลย และโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าตนได้เข้าครอบครองนาพิพาทโดยอำนาจปรปักษ์อย่างใดตั้งแต่เมื่อใดเลย ดังนี้แม้โจทก์จะครอบครองนารายพิพาทนานสักเพียงใดก็เป็นการครอบครองแทนเจ้าของเดิมอันแท้จริง พิพากษายืน