คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2504/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ มีข้อความ ว่าจะชำระหนี้เมื่อทวงถาม ปกติย่อมต้องฟ้องคดีภายใน10 ปี นับแต่ วันที่กู้เพราะอาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป แต่นับแต่ วันทำสัญญา จำเลยได้นำเงินเข้าและเบิกเงินจากบัญชีตลอดมาการนำ เงินเข้าบัญชีเป็นการตัดทอนหนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยตามลักษณะของบัญชีเดินสะพัดถือได้ว่าจำเลยรับสภาพต่อโจทก์ด้วยใช้เงินให้บางส่วน หรือด้วยส่งดอกเบี้ย อายุความย่อมสะดุดหยุดลงทุกครั้งที่นำเงินเข้าบัญชี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ปรากฏว่านับจากวันที่ จำเลยนำเงินเข้าบัญชีครั้งสุดท้ายถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์ จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์ จำเลยที่ 2 ค้ำประกัน ค้างชำระอยู่ 211,027.42 บาท ขอให้ชำระ

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจริง ได้เบิกเงินหลายครั้ง และนำเงินฝากในลักษณะบัญชีเดินสะพัดเรื่อยมา เงินจำนวนที่โจทก์ฟ้องเป็นการคิดดอกเบี้ยเกินจำนวนที่แท้จริง โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้เพียง 5 ปี แต่โจทก์คิดถึงวันฟ้องจึงเกินกว่าที่กฎหายกำหนด ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม คดีขาดอายุความ ทั้งจำเลยที่ 1 มิได้รับสภาพหนี้ การทวงหนี้ของโจทก์และการขอผ่อนชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ทำภายหลังจากคดีขาดอายุความ จึงไม่ผูกพันจำเลยทั้งสอง

วันนัดสืบพยานโจทก์ คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันบางประการ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 189,224.95 บาทพร้อมดอกเบี้ยถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระ ให้ยึดที่ดินมีโฉนดของจำเลยที่ 2 ขายทอดตลาดชำระหนี้ หากได้เงินไม่ครบ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองขายทอดตลาดเอาเงินชำระจนครบ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีตามฟ้องไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้โดยมีข้อความว่าจำเลยที่ 1 จะชำระหนี้เมื่อโจทก์ทวงถาม ปกติโจทก์ย่อมต้องฟ้องคดีภายในกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่จำเลยกู้เบิกเงินเกินบัญชีเพราะโจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป แต่จำเลยรับว่านับแต่วันทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี จนถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2519 จำเลยที่ 1 นำเงินเข้าและเบิกเงินจากบัญชีตลอดมา การที่จำเลยที่ 1 นำเงินเข้าบัญชีเป็นการตัดทอนหนี้สินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ตามลักษณะของสัญญาบัญชีเดินสะพัดถือได้ว่าจำเลยที่ 1 รับสภาพต่อโจทก์ด้วยใช้เงินให้บางส่วน หรือด้วยส่งดอกเบี้ยอายุความย่อมสะดุดหยุดลงทุกครั้งที่จำเลยที่ 1 นำเงินเข้าบัญชี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ปรากฏตามบัญชีกระแสรายวันเอกสารหมาย จ.6 ว่า จำเลยที่ 1 นำเงินเข้าบัญชีครั้งสุดท้ายจำนวน 10,000 บาท เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2519 นับจากวันดังกล่าวถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืน

Share