คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2501/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และได้มีการสอบสวนตามที่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ ไว้ เมื่อผลการสอบสวนปรากฏว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวหรือสืบเนื่องมาจากการกระทำผิดซึ่งเป็นกรรมเดียวกับข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด้วย ถือได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงด้วยแล้ว การสอบสวนจึงเป็นไปโดยชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน คือจำเลยนำข้อความอันเป็นเท็จไปแจ้งแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามชุกว่าสมุดเช็คของจำเลยหายไป ซึ่งความจริงแล้วสมุดเช็คที่จำเลยแจ้งหาย ไม่ได้หายไปแต่อย่างใด ต่อมาจำเลยได้ออกเช็คของธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาสามชุก สั่งจ่ายเงิน 15,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหาย และจำเลยโดยเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้งแก่ผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อมอบเงิน 15,000 บาทให้แก่จำเลยไป ครั้นเช็คถึงกำหนด ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 341, 91 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ในความผิดฐานฉ้อโกงผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ไว้ก่อนการสอบสวนจึงเป็นไปโดยมิชอบ ถือว่าไม่มีการสอบสวนในความผิดฐานนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 กระทงหนึ่งและผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 อีหนึ่งกระทง ให้ลงโทษจำคุกทั้งสองกระทง ข้อหาและคำขออื่นของโจทก์ให้ยกฟ้อง

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาแจ้งความเท็จและข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คเท่านั้นโจทก์จะฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกงได้หรือไม่นั้น เห็นว่า แม้เดิมผู้เสียหายจะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คเท่านั้นและได้มีการสอบสวนตามที่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้ เมื่อผลการสอบสวนปรากฏว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวหรือสืบเนื่องมาจากการกระทำผิดซึ่งเป็นกรรมเดียวกับข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด้วยจึงถือได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงด้วยแล้ว การสอบสวนของพนักงานสอบสวนจึงเป็นไปโดยชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกง และศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแล้ว เชื่อว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะให้มีการใช้เงินตามเช็คและจำเลยมีเจตนาฉ้อโกงผู้เสียหายซึ่งเป็นกรรมเดียวกัน และจำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงาน

พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ลงโทษจำคุก มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1)เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษจำคุกตามมาตรา 341 ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำเลยคืนเงิน 15,000 บาทแก่ผู้เสียหาย

Share