แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และได้มีการสอบสวนตามที่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้ เมื่อผลการสอบสวนปรากฏว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวหรือสืบเนื่องมาจากการกระทำผิดซึ่งเป็นกรรมเดียวกับข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด้วย ถือได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงด้วยแล้วการสอบสวนจึงเป็นไปโดยชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน คือจำเลยนำข้อความอันเป็นเท็จไปแจ้งแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามชุกว่าสมุดเช็คของจำเลยหายไป ซึ่งความจริงแล้วสมุดเช็คที่จำเลยแจ้งหาย ไม่ได้หายไปแต่อย่างใด ต่อมาจำเลยได้ออกเช็คของธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาสามชุกสั่งจ่ายเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท ให้แก่ผู้เสียหาย และจำเลยโดยเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้งแก่ผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อมอบเงิน ๑๕,๐๐๐ บาทให้แก่จำเลยไป ครั้นเช็คถึงกำหนด ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗, ๓๔๑, ๙๑พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ในความผิดฐานฉ้อโกงผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ไว้ก่อนการสอบสวนจึงเป็นไปโดยมิชอบ ถือว่าไม่มีการสอบสวนในความผิดฐานนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๗ กระทงหนึ่งและผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ อีหนึ่งกระทง ให้ลงโทษจำคุกทั้งสองกระทงข้อหาและคำขออื่นของโจทก์ให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาแจ้งความเท็จและข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คเท่านั้น โจทก์จะฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกงได้หรือไม่นั้น เห็นว่า แม้เดิมผู้เสียหายจะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คเท่านั้นและได้มีการสอบสวนตามที่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้ เมื่อผลการสอบสวนปรากฏว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวหรือสืบเนื่องมาจากการกระทำผิดซึ่งเป็นกรรมเดียวกับข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด้วยจึงถือได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงด้วยแล้ว การสอบสวนของพนักงานสอบสวนจึงเป็นไปโดยชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกง และศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแล้ว เชื่อว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะให้มีการใช้เงินตามเช็คและจำเลยมีเจตนาฉ้อโกงผู้เสียหายซึ่งเป็นกรรมเดียวกัน และจำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงาน
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๗ ลงโทษจำคุก มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓(๑)เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษจำคุกตามมาตรา ๓๔๑ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำเลยคืนเงิน ๑๕,๐๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย