แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
ได้ความว่าเมื่อประมาณ ๗ ปีมาแล้วโจทย์เอาเงินของจำเลยมา ๒๐๐ บาท ได้มอบที่นา ๑ แปลงของโจทย์ให้จำเลยไว้ ไม่ได้ทำหนังสือสัญญากัน ส่วนที่นาของโจทย์ก็เปนที่นาซึ่งยังไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน มาบัดนี้โจทย์จึงฟ้องไถ่ขอให้บังคับจำเลยรับเงิน ๒๐๐ บาท คืนที่นาให้โจทย์ ฯ
จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่นารายนี้เปนที่รกร้าง จำเลยได้ลงทุนลงแรงหักร้างถางพงทำเปนนาฟางขึ้นประมาณ ๗๐ ไร่ ที่นาควรเปนสิทธิแก่จำเลย ฯ
ศาลจังหวัดฉเชิงเซาแลศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษาต้องกันว่า ตามที่โจทย์จำเลยประพฤติกันมาเปนกิริยาขายฝากดังตัวอย่างฎีกาที่ ๖๖๒/๑๒๒ ศาลฎีกาตัดสินว่าเปนการขายฝากกันแลการขายฝากที่ดินเมื่อไม่ทำหนังสือสัญญากันให้ถูกต้องตามกฎหมายศาลฎีกาตัดสินว่าเปนการละทิ้งที่ดิน ดังตัวอย่างฎีกาที่ ๑๖๗๙/๑๓๑ แลฏีกาที่ ๑๒๒/๒๔๕๖ ก็วินิจฉัยเปนทำนองเดียวกัน เพราะฉนั้นโจทย์ได้ขายฝากที่ดินแก่จำเลยโดยไม่มีหนังสือสัญญาตามกฎหมายแลโจทย์ได้ปล่อยที่ดินซึ่งไม่มีหนังสือสำหรับที่ให้จำเลยไปถึง ๖-๗ ปี แล้ว โจทย์ขาดกรรมสิทธิ ๆ ได้แก่ผู้ปกครอง ให้ยกฟ้องโจทย์เสีย ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษในข้อกฎหมาย ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปฤกษาคดีนี้แล้วเห็นว่าการที่โจทย์เอาเงินของจำเลยมามอบที่นาให้จำเลยไว้นั้นไม่มีสัญญาต่อกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนที่นาของโจทย์ก็เปนที่นาซึ่งยังไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน เมื่อโจทย์ปล่อยนาให้จำเลยไปถึง ๗ ปีก็ขาดกรรมสิทธิ เพราะไม่มีข้อสัญญาจะหน่วงอยู่ได้ ดังทำพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๒ พ.ศ.๒๔๕๖ ซึ่งได้พิพากษาเปนแบบอย่างในคดีชนิดนี้แยู่แล้ว ให้ยกฎีกาโจทย์เสีย ให้โจทย์เสียค่าทนายชั้นฎีกาใช้ให้แก่จำเลยเปนเงิน ๕๐ บาทด้วย ฯ