แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินโจทก์มีบ้านปลูกอยู่หลายหลัง โจทก์และบุคคลอื่นในที่ดินไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ได้แต่อาศัยเดินผ่านบ้านคนรู้จักในที่ดินจำเลย โจทก์กับบริวารจึงมีสิทธิจะผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคแรก
ที่ดินตามแนวที่โจทก์ขอผ่านเป็นทางจำเป็นนั้นเป็นทางที่ใกล้ถนนสาธารณะที่สุด และเกิดความเสียหายแก่ที่ดินจำเลยน้อยที่สุดตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในเรื่องทางจำเป็นนั้น ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้ มิได้จำกัดเฉพาะให้ใช้เฉพาะทางเดินด้วยเท้าแต่อย่างเดียว และตามสภาพการณ์ ความเจริญของบ้านเมืองทุกวันนี้รถยนต์เป็นพาหนะที่จำเป็น สมควรกำหนดให้ทางจำเป็นกว้าง 4 เมตร ตามแนวที่โจทก์ขอผ่านนั้น.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๔๗๔ และเลขที่ ๑๖๔๔๗ แขวงบางอ้อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานครตามลำดับที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ จำเป็นต้องใช้ที่ดินของจำเลยบางส่วนผ่านเข้าออกสู่ทางสาธารณะพอควรกับความจำเป็นกว้าง ๔เมตร โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้พิพากษให้จำเลยยอมให้โจทก์และบริวารผ่านที่ดินของจำเลยส่วนหนึ่งส่วนใดสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์กว้าง ๔ เมตร ยาว ๓๐ เมตร ยอมให้โจทก์ทำท่อน้ำประปา ต่อเสาและสายไฟฟ้าโทรศัพท์ และสาธารณูปโภคอื่น ๆ ผ่านทางข้างต้น ให้จำเลยจดทะเบียนทางจำเป็นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยรับเงินค่าทดแทนเพื่อความเสียหายเป็นเงิน๓๐,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์อาจขอทางจำเป็นจากทางซึ่งอยู่ในที่ดินผู้อื่น เป็นที่ว่างไม่มีสิ่งปลูกสร้างเป็นทางไปสู่ทางภารจำยอมแล้วออกไปถึงถนนจรัญสนิทวงศ์ได้ โจทก์ไม่มีความจำเป็ต้องใช้ทางพิพาทกว้าง ๔ เมตร ยาวตลอดแนวที่ดิน ๓๐ เมตร การทำทางผ่านที่ดินจำเลยจะต้องเสียที่ดิน ๓๐ ตารางวา เป็นเงิน ๖๐๐,๐๐๐บาท โจทก์ขอใช้ ๓๐,๐๐๐ บาท จำเลยไม่อาจยอมรับได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเปิดทางเดินให้โจทก์และบริวารผ่านที่ดินของจำเลยทางด้านทิศเหนือกว้าง ๑ เมตร ยาวจากที่ดินของโจทก์ไปถึงถนนจรัญสนิทวงศ์ประมาณ ๓๐ เมตร โดยให้โจทก์เสียค่าทดแทนความเสียหายให้จำเลยในจำนวนเนื้อที่ดินทั้งหมดที่ใช้เป็นทางเดินในอัตราตารางวาละ ๒๐,๐๐๐ บาทเมื่อโจทก์ได้ชำระราคาดังกล่าวให้จำเลยแล้ว ให้จำเลยไปจดทะเบียนเป็นทางจำเป็นให้โจทก์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษานี้แทนการแสดงเจตนาของจำเลย
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เมื่อโจทก์ได้ชำระค่าทดแทนให้จำเลยแล้ว ให้จำเลยยอมให้โจทก์วางท่อน้ำ สายไฟฟ้าหรือสิ่งอื่นซึ่งคล้ายกันผ่านที่ดินจำเลยในทางจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า โจทก์มีความจำเป็นต้องใช้ทางผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ทางสาธารณะกว้าง ๔ เมตร ตามฟ้องหรือไม่ ได้ความจากโจทก์ นางสาววัลภา นนท์ธนาภรณ์ บุตรสาว และนายถวัลย์ นนท์ธนาภรณ์ ซึ่งเคยเป็นสามีโจทก์ว่าเดิมโจทก์มีบ้านอยู่ในที่ดินโจทก์อยู่หลายหลัง ขณะพิพาทมีบ้านอยู่ ๔ หลัง ให้คนเช่าบ้าน ๓ หลัง โจทก์และบุตรสาว ๒ คนอยู่เอง ๑ หลัง โดยบุตรสาวโจทก์ ๒ คนกำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมีผู้อื่นเช่าที่ดินปลูกบ้านอีก ๑ หลัง โจทก์และบุคคลอื่นในที่ดินไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้แต่อาศัยเดินผ่านบ้านคนรู้จักในที่ดินของจำเลย พิเคราะห์แล้วโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดเลขที่ ๓๔๗๔ กับบริวารมีสิทธิจะผ่านที่ดินตามโฉนดเลขที่ ๑๖๔๔๗ ของจำเลยออกสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๑๓๔๙ วรรคแรก ส่วนปัญหาเรื่องที่ และวิธีทำทางผ่านนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๔๙ วรรค ๓ มีข้อความบัญญัติว่า “ที่และวิธีทำทางผ่านนั้นต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่านกับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อที่สุดที่จะเป็นได้ ถ้าจำเป็น ผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้” เมื่อคำนึงถึงสภาพที่ตั้งของที่ดินโจทก์จำเลยและของนางนิยม ปาละกูล ตามแผนผังท้ายฟ้องโจทก์และท้ายคำให้การจำเลยแล้ว เห็นว่า ที่ดินตามแนวที่ปรากฏเป็นทางสีแดงท้ายคำให้การจำเลยซึ่งโจทก์ขอผ่านเป็นทางจำเป็นนั้นเป็นทางที่ใกล้ถนนจรัญสนิทวงศ์ที่สุด และเกิดความเสียหายแก่ที่ดินจำเลยน้อยที่สุด ส่วนความพอควรแก่ความจำเป็นของโจทก์ผู้มีสิทธิจะผ่านนั้น เห็นว่า ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในเรื่องทางจำเป็นนั้น ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้ มิได้จำกัดเฉพาะให้ใช้เฉพาะทางเดินด้วยเท้าแต่อย่างเดียว และตามสภาพการณ์ความเจริญของบ้านเมืองทุกวันนี้รถยนต์เป็นพาหนะที่จำเป็น จึงสมควรกำหนดให้ทางจำเป็นกว้าง ๔ เมตร ตามที่โจทก์ขอ ศาลล่างกำหนดให้ทางจำเป็นกว้างเพียง ๑ เมตร ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยเปิดทางให้โจทก์และบริวารผ่านที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ ๑๖๔๔๗ เลขที่ดิน ๙๓๔ แขวงบางอ้อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ตามแผนผังท้ายคำให้การจำเลย กว้าง ๔เมตร ยาวจากที่ดินของโจทก์ โฉนดเลขที่ ๓๔๗๔ เลขที่ดิน ๖๓๓ ตามฟ้องไปจนถึงถนนจรัญสนิทวงศ์ ประมาณ ๓๐ เมตร โดยให้โจทก์ใช้ค่าทดแทนความเสียหายให้จำเลยจำนวน ๖๐๐,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์