คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อุทธรณ์ของโจทก์ที่เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ของโจทก์ในการรับฟังข้อเท็จจริงว่า คดีโจทก์มีมูลนั้น มิได้ทำให้ปัญหาที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไป คดียังคงมีปัญหาว่า ฟ้องของโจทก์มีมูลหรือไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบแล้วเห็นว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบ (ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง) ให้ปรากฏว่า วันที่เช็คถึงกำหนดจำเลยมีเงินในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินตามเช็คพิพาทได้หรือไม่ หรือบัญชีของจำเลยปิดแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค คดีของโจทก์จึงไม่มีมูลนั้น เหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการเพียงพอแล้วที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้โดยไม่จำต้องวินิจฉัยหักล้างเหตุผลที่โจทก์แสดงต่อศาลอุทธรณ์เพราะเหตุผลนั้นไม่เป็นสาระ ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป การที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยหักล้างอุทธรณ์ของโจทก์หรือยกเหตุผลอื่นขึ้นวินิจฉัย จึงไม่ใช่การวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ตรงตามที่โจทก์อุทธรณ์ และการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวแม้จะให้เหตุผลแตกต่างไปจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นก็ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า การนำสืบของโจทก์ไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็ค คดีจึงไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏชัดว่า วันที่เช็คถึงกำหนดจำเลยมีเงินในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินตามเช็คพิพาทได้หรือไม่ หรือบัญชีของจำเลยปิดแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อสาระสำคัญแห่งคดี คดีโจทก์จึงไม่มีมูล พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยตามคำอุทธรณ์ของโจทก์ที่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่กลับมีคำพิพากษายกฟ้องของโจทก์โดยอาศัยคนละเหตุแตกต่างจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้นอันเป็นการนอกประเด็นไม่ตรงตามที่โจทก์อุทธรณ์ไว้นั้นเป็นคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ปัญหาข้อนี้ โจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า เรื่องลายมือชื่อของจำเลยหรือผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมิใช่ประเด็นข้อพิสูจน์อันแสดงว่าคดีมีมูลหรือไม่ เช็คและใบคืนเช็คต่างหากที่เป็นหลักฐานยืนยันว่าได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ซึ่งเป็นภาระของโจทก์ที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเพียงโจทก์ให้การว่าทราบจากนายวรรณชัย สุรอมรรัตน์ ผู้โอนเช็คให้แก่โจทก์ว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลย แม้จะเป็นคำบอกเล่าก็เป็นคำบอกเล่าที่เชื่อถือได้ และมีน้ำหนักพอที่ศาลจะรับฟังได้ ที่อยู่ของจำเลยนั้นถึงแม้ที่อยู่ของจำเลยตามฟ้องจะไม่ใช่ที่อยู่ของจำเลยที่แท้จริงแต่เมื่อโจทก์ทราบที่อยู่ที่แท้จริงของจำเลยแล้ว ก็ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องโดยศาลสั่งอนุญาตแล้วปัญหาเรื่องที่อยู่ของจำเลยจึงยุติลงและถือว่าตามฟ้องของโจทก์ถูกต้องแล้วโจทก์ได้เบิกความต่อศาลว่า จำเลยมีเจตนาที่จะไม่ใช้เงินตามเช็คโดยโจทก์มีพยานเอกสารคือใบคืนเช็คแสดงต่อศาล จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ชัดว่าโจทก์ไม่สามารถรับเงินตามเช็คนั้นได้ อันเป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว แม้ใบคืนเช็คจะอ้างเหตุผลว่าโปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย มิใช่ปฏิเสธว่า เงินในบัญชีไม่พอจ่ายก็ถือได้ว่าเป็นการปฏิเสธการใช้เงินตามเช็ค แสดงว่า ผู้ออกเช็คมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คการไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์มีภาระนำสืบพยานหลักฐานเพียงเท่าที่จำเป็นพอที่ศาลจะเห็นหรือเชื่อว่าคดีมีมูล แตกต่างไปจากการนำสืบในชั้นพิจารณาคดีที่จะต้องนำสืบให้ละเอียดเพื่อให้ศาลเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิด เมื่อโจทก์นำสืบให้ปรากฏชัดต่อศาลซึ่งเช็คและใบคืนเช็คซึ่งแสดงถึงการปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว ย่อมเป็นข้อพิสูจน์ว่าความผิดได้เกิดขึ้นตามบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว แม้จะเป็นพยานบอกเล่าเพราะโจทก์เป็นผู้รับโอนเช็คมาอีกต่อหนึ่ง ก็มีน้ำหนักที่ศาลจะเชื่อถือได้ เมื่อโจทก์นำสืบดังกล่าวจึงเพียงพอที่จะรับฟังว่าคดีโจทก์มีมูลแล้วนั้น เห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของโจทก์ในการรับฟังข้อเท็จจริงว่า คดีโจทก์มีมูลเท่านั้นดังนั้นปัญหาตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยจึงมิได้เปลี่ยนแปลงไป คดียังคงมีปัญหาว่าฟ้องของโจทก์มีมูลหรือไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบแล้วเห็นว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏว่า วันที่เช็คถึงกำหนดคือวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๒๕ จำเลยมีเงินในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินตามเช็คพิพาทได้หรือไม่ หรือบัญชีของจำเลยปิดแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อสาระสำคัญของคดี คดีของโจทก์จึงไม่มีมูลนั้นเห็นได้ว่า เหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการเพียงพอแล้วที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยหักล้างเหตุผลที่โจทก์แสดงต่อศาลอุทธรณ์เพราะเหตุผลนั้นไม่เป็นสาระไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป การที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยหักล้างอุทธรณ์ของโจทก์หรือยกเหตุผลอื่นขึ้นวินิจฉัยจึงไม่ใช่การวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ตรงตามที่โจทก์อุทธรณ์ และการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวแม้จะให้เหตุผลแตกต่างไปจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นก็ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใดด้วย
พิพากษายืน.

Share