คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 414,000 บาท คู่ความตกลงรับข้อเท็จจริงและกำหนดจำนวนค่าเสียหายกันว่า 100,000 บาท สละข้ออ้างและต่อสู้นอกจากนี้ ดังนี้ โจทก์ไม่ได้แก้ฟ้อง และมิใช่คดีเสร็จโดยประนีประนอมยอมความ จึงคืนค่าขึ้นศาลในจำนวนเดิมที่เกิน100,000 บาทไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด 414,000 บาท แล้วได้แถลงรับกันให้ศาลวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 65,000 บาท โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนค่าขึ้นศาลที่เกิน 100,000 บาทที่คู่ความรับกันศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “เมื่อคู่ความตกลงกันว่าค่าเสียหายของฝ่ายโจทก์ให้ถือว่ามีจำนวนรวมทั้งสิ้น 100,000 บาท โจทก์ก็มิได้ขอแก้ไขคำฟ้องลดจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในฟ้องเดิมลงมาเหลือ 100,000 บาท จึงต้องถือว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ 414,000 บาท ตามที่โจทก์ยื่นฟ้องไว้เดิม และตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม 2521ที่กล่าวข้างต้น คู่ความก็เพียงแต่ตกลงกันยอมรับข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่มีอยู่บางอย่าง โดยสละข้ออ้างและข้อต่อสู้บางประการ แล้วให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่คู่ความแถลงรับกันนั้นทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่าจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เพียงใดหรือไม่ มิได้ให้ศาลพิพากษาคดีให้เสร็จเด็ดขาดลงได้โดยสัญญาหรือการประนีประนอมยอมความของคู่ความ ตามนัยมาตรา 151 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแต่อย่างใด จึงไม่อาจสั่งคืนค่าขึ้นศาลในส่วนจำนวนทุนทรัพย์ที่เกิน 100,000 บาท ซึ่งเสียไว้ในเวลายื่นคำฟ้องให้แก่โจทก์ได้”

พิพากษายืน

Share