แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่แล้วไม่ว่าจำเลยจะใช้เนื้อที่ที่ระบุในประทานบัตรทำเหมืองแร่หรือไม่ จำเลยก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองแร่ตามประทานบัตรนั้นเป็นรายปีแก่โจทก์เพราะพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 55บังคับให้ต้องชำระค่าธรรมเนียมล่วงหน้าเป็นรายปี กฎกระทรวงฉบับที่ 45(พ.ศ.2523) ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ข้อ 2 ได้กำหนดค่าธรรมเนียมตามบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมไว้ และกฎกระทรวงนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกโดย อาศัยอำนาจตามที่กฎหมายให้ไว้ เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ย่อมมีผลใช้บังคับแก่ประทานบัตรของจำเลยด้วย จำเลยจะอ้างว่าไม่ได้ตกลงด้วยในการเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมดังกล่าวหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาค่าธรรมเนียมตามอัตราใหม่ได้ ค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองตามประทานบัตรเป็นหนี้ที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ ตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ. 2510 มิได้กำหนดให้ผู้ออกประทานบัตรเมื่อเพิกถอนประทานบัตรจะต้องสงวนสิทธิเรียกร้องเอาค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระไว้จึงจะฟ้องบังคับได้ การที่โจทก์สั่งเพิกถอนประทานบัตรของจำเลยจึงไม่ทำให้หนี้ค่าธรรมเนียมดังกล่าวที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ต้องระงับไปแม้ไม่สงวนสิทธิไว้โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องเรียกจากจำเลยได้ ค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองแร่ ต้องชำระล่วงหน้าเป็นรายปี เมื่อโจทก์กำหนดเอาวันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันสิ้นปีจำเลยย่อมมีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมดังกล่าวของปี 2525ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2524 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 28พฤศจิกายน 2529 จึงยังไม่เกินกำหนดอายุความ 5 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับประทานบัตรจากโจทก์ให้ประกอบกิจการทำเหมืองแร่ดีบุก และวุลแฟ รม จำนวน 4 แปลง จำเลยต้องเสียค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองแร่ตามประทานบัตรทั้ง 4 แปลง ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 45 (พ.ศ. 2523) ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 สำหรับ พ.ศ. 2524 ถึง พ.ศ. 2527เป็นเงินทั้งสิ้น 91,760 บาท โจทก์มีหนังสือทวงเตือนให้จำเลยชำระหนี้แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีคำสั่งเพิกถอนประทานบัตรทั้ง 4 แปลงดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม2528 โจทก์คิดดอกเบี้ยจากจำเลยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเป็นเงิน 17,205 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 108,965 บาท ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงิน 108,965 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 91,760 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยมีหน้าที่ต้องเสียเงินต่อเมื่อจำเลยมีความประสงค์จะใช้เนื้อที่ตามประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่ในระยะเวลาปีนั้น จำเลยไม่มีความประสงค์ที่จะใช้เนื้อที่ตามประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่ในช่วง พ.ศ.2523 ถึง พ.ศ.2528 ได้แจ้งให้ทรัพยากรธรณีท้องที่ทราบแล้ว จำเลยยังไม่ได้ใช้เนื้อที่ตามประทานบัตรทำเหมืองเลยจำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมตามฟ้อง การที่มีกฎกระทรวงออกใหม่กำหนดค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นนั้นไม่กระทบถึงจำนวนเงินค่าธรรมเนียมในประทานบัตรที่ระบุจำนวนแน่นอนไว้แต่ละฉบับ ไม่มีผลทำให้จำเลยต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในอัตราใหม่ ค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองแร่ พ.ศ.2524และ 2525 ขาดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 166 แล้ว การสั่งเพิกถอนประทานบัตรที่ออกให้จำเลยทำให้ประทานบัตรสิ้นสุดก่อนถึงงวดปี โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองตามประทานบัตรเต็มระยะเวลาหาได้ไม่โจทก์เพิกถอนประทานบัตรโดย มิได้สงวนสิทธิไว้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 79,143 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 68,820 บาทนับแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้นศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองโดย คู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งว่าจำเลยได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ดีบุก และวุลแฟ รมในเขตตำบลนบพิตำ อำเภอท่าศาลาจังหวัดนครศรีธรรมราช จากกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 4 ฉบับคือ 1.ประทานบัตรที่ 8770/10810 เนื้อที่ 288 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวามีอายุ 23 ปีออกให้ ณ วันที่ 28 กันยายน 2516 ปรากฏตามเอกสารหมายจ.1 2. ประทานบัตรที่ 8771/10811 เนื้อที่ 281 ไร่ 68 ตารางวามีอายุ 20 ปี ออกให้ ณ วันที่ 28 กันยายน 2516 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2 3. ประทานบัตรที่ 8772/10812 เนื้อที่ 288 ไร่ 2 งาน 38ตารางวา มีอายุ 20 ปี ออกให้ ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2516 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.3 4. ประทานบัตรเลขที่ 8773/10813 เนื้อที่286 ไร่ 1 งาน 23 ตารางวา มีอายุ 21 ปี ออกให้ ณ วันที่ 28กันยายน 2516 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.4 จำเลยไม่เคยเปิดทำเหมืองเลย จำเลยชำระค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองตามประทานบัตรมาเพียง 2 ปี คือ พ.ศ. 2516 และ 2517เท่านั้นจากนั้นก็ไม่ได้ชำระเลย โจทก์มีหนังสือทวงเตือนให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าวแล้ว จำเลยก็ไม่ชำระและจำเลยหาได้เวนคืนประทานบัตรแต่อย่างใดไม่ จนถึงเดือนมกราคม 2528รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีคำสั่งเพิกถอนประทานบัตรตามเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 แล้ว รายการค่าธรรมเนียมค้างชำระและดอกเบี้ยที่จำเลยต้องรับผิดโจทก์ได้คิดคำน วนไว้แล้วปรากฏตามเอกสารหมาย จ.5
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาเป็นข้อแรกว่า ผู้ที่ถือประทานบัตรได้ใช้เนื้อที่ในการทำเหมือง จึงจะต้องเสียค่าธรรมเนียมโดย เสียล่วงหน้าเป็นรายปี จำเลยไม่ได้ทำเหมืองตามที่ถือประทานบัตรจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมนั้น เห็นว่า การกำหนดให้ชำระค่าธรรมเนียมล่วงหน้าเป็นรายปีนั้นก็เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าผู้ถือประทานบัตรจะใช้เนื้อที่ที่ระบุในประทานบัตรทำเหมืองหรือไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมทั้งสิ้น มิ เช่นนั้นพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา55 ซึ่งแก้ไขใหม่ คงไม่บัญญัติบังคับให้ต้องชำระล่วงหน้าเป็นรายปีและหากตีความดังที่จำเลยฎีกาแล้วก็จะขัดกับกฎกระทรวงฉบับที่ 28ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ที่กำหนดให้ผู้ถือประทานบัตรปฏิบัติก่อนเริ่มทำเหมืองและจะทำให้รัฐขาดรายได้เพราะจะมีบุคคลขอประทานบัตรทำเหมืองกีดกันคนอื่นไว้โดย ตนเองไม่ได้ทำก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ศาลฎีกาจึงเห็นว่า แม้จำเลยผู้ถือประทานบัตรจะไม่ได้ทำเหมืองเลยก็มีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมล่วงหน้าเป็นรายปีให้แก่โจทก์ ที่จำเลยฎีกาเป็นข้อที่สองว่า ประทานบัตร 4 ฉบับตามฟ้อง แต่ละฉบับได้กำหนดค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองแร่ไว้เป็นจำนวนแน่นอนแล้วคือปีละ 1,445 บาท 1,410บาท 1,445 บาท และ 1,435 บาท ไม่มีเงื่อนไขให้เปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมได้ในระหว่างอายุประทานบัตร โจทก์จะอ้างกฎกระทรวงมาเรียกค่าธรรมเนียมเพิ่มจากจำเลยไม่ได้เพราะจำเลยไม่ได้ตกลงด้วยนั้นเห็นว่า กฎกระทรวง ฉบับที่ 45 (พ.ศ.2523)ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ข้อ 2 ให้กำหนดค่าธรรมเนียมตามบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมและกฎกระทรวงนี้ เลขลำดับที่ 9 ค่าใช้เนื้อที่ตามประทานบัตรทุก 1 ไร่ หรือเศษของ 1 ไร่ปีละ 20 บาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกโดย อาศัยอำนาจตามที่กฎหมายให้ไว้และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ย่อมมีผลใช้บังคับแก่ประทานบัตรของจำเลยด้วย จำเลยจะอ้างว่าไม่ได้ตกลงด้วยในการเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมดังกล่าวหาได้ไม่โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาค่าธรรมเนียมตามอัตราใหม่ได้ ที่จำเลยฎีกาข้อที่สามว่า การที่โจทก์เพิกถอนประทานบัตรของจำเลย โดยอาศัยเหตุที่จำเลยไม่ชำระค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองตามประทานบัตร โดย โจทก์มิได้สงวนสิทธิที่จะเรียกร้องเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวไว้ ประกอบทั้งจำเลยยังไม่ได้ใช้เนื้อที่ในการทำเหมือง จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองให้แก่โจทก์นั้น เห็นว่า เงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นหนี้ที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ ตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ.2510 มิได้มีบทบัญญัติที่กำหนดไว้ว่า โจทก์ผู้ออกประทานบัตรเมื่อเพิกถอนประทานบัตรจะต้องสงวนสิทธิเรียกร้องเอาค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระไว้จึงจะฟ้องบังคับได้ การที่โจทก์สั่งเพิกถอนประทานบัตรของจำเลยจึงไม่ทำให้หนี้ค่าธรรมเนียมดังกล่าวที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ต้องระงับไป แม้ไม่สงวนสิทธิไว้ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องเรียกจากจำเลยได้ ที่จำเลยฎีกาเป็นข้อสุดท้ายว่า ค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองของปี 2525 ขาดอายุความแล้วโดย อ้างว่าระยะเวลา 1 ปี ตามประทานบัตรต้องคำนวณนับจากวันที่ออกประทานบัตรคือวันที่ 28 กันยายน 2516 ตามเอกสารหมาย จ.1 จ.2 และ จ.4กับวันที่ 19 ตุลาคม 2516 ตามเอกสารหมาย จ.3 ดังที่ปรากฏจากการคำนวณนับอายุประทานบัตรและตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510มาตรา 54 บัญญัติว่า อายุประทานบัตรคำนวณนับแต่วันออก คำว่าปี ในมาตรา 55 จึงหมายถึง ปีของอายุประทานบัตร การที่โจทก์กำหนดเอาวันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันสิ้นปีเป็นแนวปฏิบัติและเพื่อกันลืมเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเป็นหลักเกณฑ์ที่ไม่แน่นอนและเป็นไปตามอำเภอใจ ค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองตามฟ้องแต่ละปีต้องคำนวณตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 3 ฉบับวันที่ 19 ตุลาคม1 ฉบับ ค่าธรรมเนียม พ.ศ. 2524 ต้องชำระภายใน วันที่ 28 กันยายน2523 3 ฉบับ วันที่ 19 ตุลาคม 2523 1 ฉบับและค่าธรรมเนียม พ.ศ. 2525ก็ต้องชำระภายในวันที่ 28 กันยายน 2524 และวันที่ 19 ตุลาคม 2524เช่นกัน โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2529 ค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมือง พ.ศ. 2525 จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 นั้นเห็นว่า นายบุญใจ รักแดง ทรัพยากรธรณีจังหวัดเชียงรายซึ่งใน พ.ศ. 2524ถึง 2528 เป็นทรัพยากรธรณีจังหวัดนครศรีธรรมราช พยานโจทก์เบิกความว่า ค่าธรรมเนียมต้องชำระล่วงหน้าเป็นรายปี ในปีแรกคิดค่าธรรมเนียมรายปีแบบวันชนวัน เช่น ออกประทานบัตรวันที่ 1 ตุลาคม2521 ครบวันที่ 30 กันยายน 2522 ปีที่ 2 เก็บระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม2522 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2522 พอขึ้นปีที่ 3 ก็เก็บแบบมกราคมถึงธันวาคม อันเป็นแนวปฏิบัติของกรมทรัพยากรธรณีเพื่อกันหลงลืมนางสาวยินดี รอดจันทร์ เจ้าหน้าที่บริหารงานการเงินและบัญชี 5สำนักงานทรัพยากรธรณีจังหวัดนครศรีธรรมราช พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่า พยานทำงานเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ มาได้ 13 ปีแล้วค่าธรรมเนียม พ.ศ. 2524 จำเลยมีหน้าที่ต้องเสียภายในวันที่ 31ธันวาคม 2523 และของ พ.ศ. 2525, 2526 และ 2527 ก็ต้องเสียล่วงหน้าในทำนองนี้เช่นกัน ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมีผู้ถือประทานบัตรประมาณ 40 ราย ไม่เคยมีใครโต้แย้งการคิดคำนวณค่าธรรมเนียมแบบนี้เลย ตามเอกสารหมาย จ.5 เป็นรายละเอียดการคิดค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองตามประทานบัตรและดอกเบี้ยที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ สำหรับ พ.ศ. 2524 ถึงพ.ศ. 2527 ซึ่งจำเลยหาได้นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่นไม่ดังนั้นวิธีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวตามเอกสารหมาย จ.5 จึงถูกต้องแล้ว สิทธิเรียกร้องค่าธรรมเนียมดังกล่าวของโจทก์สำหรับพ.ศ. 2525 จึงยังไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน