คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา กล่าวหาว่าบุกรุกที่พิพาทศาลพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดแล้ว ในคำพิพากษาคดีอาญานั้น ยังมิได้ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของใคร เป็นแต่กล่าวสรุปว่าเมื่อข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของโจทก์และจำเลยอ้างว่าซื้อที่พิพาทมาจากผู้มีชื่อมูลคดีเป็นเรื่องแย่งสิทธิในที่ดินซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่ง จึงยกฟ้องดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีแพ่งอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ มิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาทได้ เพราะประเด็นที่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ คำพิพากษาในคดีอาญายังมิได้วินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกบุกรุกที่นาของโจทก์ โจทก์ฟ้องหาว่าบุกรุก แต่ศาลยกฟ้องขอให้บังคับไม่ให้จำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยต่อสู้ว่า ที่นาพิพาทเป็นของจำเลย คดีโจทก์ขาดอายุความโจทก์ฟ้องคดีอาญาศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องทางแพ่งอีก

ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง ที่พิพาทเป็นของโจทก์พิพากษาไม่ให้จำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยเป็นเจ้าของครอบครองที่พิพาท พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ได้ความว่าโจทก์เคยฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าบุกรุกที่พิพาทแปลงนี้เป็นคดีอาญา ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว ตามคดีแดงที่ 43/2512 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช

ศาลฎีกาพิเคราะห์คำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวแล้ว เห็นว่าคำพิพากษามิได้ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของใคร เป็นแต่กล่าวสรุปว่าเมื่อข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของโจทก์และจำเลยอ้างว่าได้ที่พิพาทมาโดยซื้อมาจากนายวัน ทองอนันต์ มูลคดีเป็นเรื่องแย่งสิทธิในที่ดินซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่งจึงยกฟ้อง ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ เพราะประเด็นที่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ คำพิพากษาในคดีอาญายังมิได้วินิจฉัย

ในข้อเท็จจริง ศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองมา

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share