แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีแพ่งแล้ว ต่อมาขอยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมเสียทั้งหมดแล้วขอให้การใหม่ไม่เกี่ยวข้องกับคำให้การเดิมเลยถ้าถอนไปหมดเท่ากับคำให้การเดิมไม่มีทั้งการยื่นคำให้การใหม่พ้นกำหนดเวลาแห่งกฎหมายเช่นนี้ศาลไม่อนุญาตให้ให้การใหม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2492 จำเลยได้ทำหนังสือกู้เงินโจทก์ไป 20,000 บาท โดยให้ดอกเบี้ย 15% ต่อปีตั้งแต่กู้ไปแล้วจำเลยไม่ชำระดอกเบี้ย จึงมาฟ้องขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การครั้งแรกว่าได้กู้เงินโจทก์ไปจริง ขอผัดชำระ15 วัน ต่อมาจำเลยขอถอนคำให้การเดิมทั้งหมด และขอให้การใหม่ว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้กู้เงินโจทก์ แต่นางนวลจันทร์ซึ่งเป็นพยานในสัญญาเป็นผู้กู้โดยเอาโฉนดของจำเลยให้โจทก์ยึดถือเป็นประกัน จำเลยเพียงแต่เป็นพยานในสัญญา ต่อมาจำเลยทวงโฉนดคืน นางนวลจันทร์โกรธเคืองจึงสมคบกับโจทก์นำคดีมาฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยให้การใหม่ แล้วสั่งให้งดสืบพยาน แล้วตัดสินให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยจะขอถอนคำให้การเดิมและขอให้การใหม่นี้ไม่ถูกต้อง เพราะ
1. มิใช่เป็นการขอแก้ข้อต่อสู้ หรือ ข้ออ้าง ข้อเถียงที่กล่าวไว้ในคำให้การตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179, 180
2. เมื่อถอนไปทั้งหมด เมื่อถอนไปแล้ว ก็เท่ากับไม่มีคำให้การ
3. จำเลยยื่นคำให้การใหม่ พ้นเวลากฎหมายกำหนดย่อมยื่นไม่ได้
4. มิได้มีเหตุผลว่า ทำไมคำให้การเดิมจึงถอนเสีย
จึงพิพากษายืน