แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำว่า “แพ” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรกหมายถึงแพที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนเท่านั้น ไม่ได้หมายความถึงแพที่ใช้ในการดูดและดำแร่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แพดันชื่อวัลย์ลิยา จำเลยทำสัญญาซื้อแพดันดังกล่าวไปจากโจทก์ในราคา450,000 บาท จำเลยรับแพดันไปจากโจทก์ตั้งแต่วันทำสัญญาแต่ไม่เคยชำระราคาแพที่ค้างให้โจทก์เลย จึงขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า การซื้อขายแพตกเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยชำระค่าแพให้โจทก์ครบถ้วนแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาแรกที่จำเลยฎีกามีว่า การซื้อขายแพพิพาทไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ข้อเท็จจริงได้ความเป็นยุติว่า แพที่ซื้อขายเป็นแพที่ใช้ในการดูดและดำแร่ มิใช่เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับคนเห็นว่า การซื้อขายแพดังกล่าว กฎหมายมิได้บังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรก เพราะคำว่า “แพ”ตามบทกฎหมายดังกล่าวหมายถึงแพที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนเท่านั้นหาได้หมายความถึงแพที่ใช้ในการดูดและดำแร่อย่างเช่นกรณีนี้ไม่เมื่อจำเลยซื้อแพไปจากโจทก์และยังชำระราคาไม่ครบถ้วน โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์4,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3