คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2482/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 41(4) ให้อำนาจคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์วินิจฉัยชี้ขาดคำร้องตามมาตรา 125และในกรณีที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ชี้ขาดว่าเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ก็ให้มีอำนาจให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือให้จ่ายค่าเสียหายได้ คำสั่งชี้ขาดดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติใดบัญญัติว่าให้ถึงที่สุด คู่ความที่ไม่พอใจคำสั่งนั้น จึงมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลแรงงานให้วินิจฉัยว่าคำสั่งดังกล่าวชอบหรือไม่อีกได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 8(4) หากศาลแรงงานเห็นว่า คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ใช้อำนาจหน้าที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ศาลแรงงานย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องและเหมาะสมได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างประจำของโจทก์ จำเลยที่ 1 กระทำผิดเงื่อนไขข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างโจทก์จึงเลิกจ้างจำเลยที่ 1 กล่าวหาโจทก์ต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ อันมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 14 ประกอบเป็นคณะกรรมการฯ ว่าเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีคำสั่งว่าการเลิกจ้างดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121 และมาตรา 123 แล้วมีคำสั่งให้โจทก์รับจำเลยที่ 1 กลับเข้าทำงานกับโจทก์ต่อไป คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว
จำเลยที่ 1 ให้การว่ามิได้กระทำผิดดังที่โจทก์กล่าวหา จำเลยที่ 2 ถึงที่ 14 ให้การว่า ข้อวินิจฉัยของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 14ชอบด้วยเหตุผลแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า คำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ชอบฝ่าฝืนระเบียบวินัยจะเป็นตัวอย่างไม่ดี จึงให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายแก่จำเลยที่ 1 แทนการรับจำเลยที่ 1 กลับเข้าทำงาน พิพากษาให้โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 1แต่ให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายจำนวน 70,000 บาท แก่จำเลยที่ 1
จำเลยทั้งหมดอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 41(4) ได้ให้อำนาจคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์วินิจฉัยชี้ขาดคำร้องตามมาตรา 125 และในกรณีที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ชี้ขาดว่า เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมก็ให้มีอำนาจสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือให้จ่ายค่าเสียหายได้ ซึ่งคำสั่งชี้ขาดดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติใดที่บัญญัติว่าให้ถึงที่สุด คู่ความที่ไม่พอใจคำสั่งดังกล่าวมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลแรงงานให้วินิจฉัยว่าคำสั่งดังกล่าวชอบหรือไม่ได้อีกตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 8(4) และเมื่อศาลแรงงานพิจารณาแล้วเห็นว่า คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ใช้อำนาจหน้าที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมประการใดศาลแรงงานย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องและเหมาะสมได้ เมื่อศาลแรงงานกลางเห็นว่าโจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามความเห็นของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีคำสั่งให้โจทก์รับจำเลยที่ 1 กลับเข้าทำงานแต่ศาลแรงงานกลางเห็นว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีวินัย ชอบฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับ หากจะให้จำเลยที่ 1 ซึ่งมีหน้าที่ระดับหัวหน้าทำงานกับโจทก์ต่อไปอีกจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ทำให้โจทก์ปกครองลูกจ้างอื่นยากยิ่งขึ้น โจทก์และจำเลยที่ 1 จะมีแต่ความหวาดระแวงซึ่งกันและกันตลอดเวลา ไม่เป็นผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย ศาลแรงงานกลางย่อมมีอำนาจกำหนดให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายแทนการรับจำเลยที่ 1กลับเข้าทำงานได้ไม่เป็นการขัดต่อหลักกฎหมายดังที่จำเลยอุทธรณ์อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share