คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการก่อสร้างโรงงานอาคารเตา จำเลยได้มีหนังสือเชิญชวน ให้บริษัทต่าง ๆ รวมทั้งโจทก์ให้ยื่นประกวดราคาก่อสร้าง ซึ่งหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงคำเชื้อเชิญให้ทำคำเสนอเท่านั้น เมื่อโจทก์ยื่นประกวดราคาโดยกรอกรายการบัญชีแสดงปริมาณงานและราคาในแบบพิมพ์เชิญชวนให้ยื่นประกวดราคาต่อจำเลย เป็นการทำคำเสนอของโจทก์ที่ประสงค์จะเข้าทำสัญญา ก่อสร้างให้จำเลย การที่จำเลยมีหนังสือเอกสารหมาย ล.27 แจ้งให้โจทก์ ทราบว่าโจทก์ได้รับเลือกให้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างและแจ้งต่อไปว่า ปริมาณงานและราคาเด็ดขาดจะอยู่ภายใต้บังคับ ของการคิดจำนวนและคิดคำนวณราคาใหม่โดยที่ปรึกษาด้านราคา คือ บริษัทพ. ดังนั้น หนังสือดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นคำสนองอันมีข้อความเพิ่มเติม มีข้อจำกัดหรือมีข้อแก้ไข อย่างอื่นประกอบด้วย ซึ่งถือว่าเป็นคำบอกปัดไม่รับคำเสนอ บางส่วนของโจทก์ ทั้งเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ด้วยในตัว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 359 วรรคสอง ต่อมาเมื่อโจทก์ได้ลงลายมือชื่อยืนยันและยอมรับต่อท้ายข้อความหนังสือเอกสารหมาย ล.27 เท่ากับเป็นการสนองตอบ สัญญาจ้างก่อสร้างระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเกิดขึ้นโดยโจทก์กับจำเลยจะต้องปฏิบัติตามข้อความที่ปรากฎในเอกสารหมาย ล.27 ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือ ปริมาณงานและราคาเด็ดขาด จะอยู่ภายใต้บังคับของการคิดจำนวนและคิดคำนวณราคาใหม่ โดย บริษัท พ.ที่ปรึกษาด้านราคาและการคิดปริมาณงานและคำนวณราคาดังกล่าว ในหนังสือเอกสารหมาย ล.27 มิได้ระบุ ให้ยึดถือตามรายการปริมาณงานและราคาตามใบประกวดราคาเป็นหลัก บริษัท พ. จึงมีหน้าที่ที่จะต้องคิดปริมาณงานและคำนวณราคาใหม่ทั้งหมด และเมื่อคิดปริมาณงานและคำนวณราคาได้จำนวนเท่าไรแล้ว จำเลยก็ต้องชำระราคาดังกล่าวให้แก่โจทก์และโจทก์ก็ต้องยอมรับตามราคานั้นด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 173,114,400.80 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของเงินค่าจ้าง 162,310,483.55บาท กับค่าเสียหายในพฤติการณ์พิเศษแก่โจทก์อีกเดือนละ 1,000,000 บาท จนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 159,842,864.70 บาท และให้รับภาระค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 891,555 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 156,309,834.20 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความทั้งสองฝ่ายนำสืบรับกันฟังยุติได้ว่า เมื่อปี 2534 จำเลยให้บริษัทซีวิลดีซายน์ จำกัด ร่างแบบก่อสร้างโรงงานผลิตขวดและผลิตภัณฑ์แก้วในโครงการโรงงานอาคารเตาหมายเลข 5 กับ โรงงานอาคารเพิ่มเติมซึ่งจำเลยจะก่อสร้างที่หมู่ที่ 2 ตำบลบางยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ตามแบบในแบบพิมพ์เขียวเอกสารหมาย ล.175/2 ถึง ล.175/3 โดยจำเลยให้บริษัทเพจ เคิร์กแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีนางสาวพีโอนาแมรี่ ทอมสัน เป็นกรรมการผู้จัดการ จัดทำใบปริมาณตารางงานหรือรายการบัญชีแสดงปริมาณงานและราคาเป็นแบบพิมพ์ส่งเชิญชวนให้ยื่นประกวดราคาไปยังโจทก์กับผู้มีชื่อรายอื่น เพื่อให้โจทก์และผู้มีชื่อเหล่านั้นกรอกรายละเอียดในรายการบัญชีแสดงปริมาณงานและราคายื่นประมูลต่อจำเลย โจทก์กับผู้มีชื่อได้กรอกรายการบัญชีแสดงปริมาณงานและราคาในแบบพิมพ์เชิญชวนให้ยื่นประกวดราคาต่อจำเลยเฉพาะของโจทก์เสนอราคา 2 ฉบับ คือ ฉบับลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2534 กับฉบับลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2534 เป็นเงิน 117,460,777 บาท ตามเอกสารหมาย จ.34 และ จ.35 จำเลยพิจารณาใบเสนอราคาที่มีผู้ยื่นต่อจำเลยทุกรายการแล้วเห็นชอบด้วยกับการเสนอราคาของโจทก์ จำเลยจึงมีหนังสือแจ้งความจำนงตามเอกสารหมาย จ.27 ไปยังโจทก์ว่าจำเลยตกลงให้โจทก์เป็นผู้รับเหมาทำการก่อสร้างโรงงานอาคารเตาหมายเลข 5กับโรงงานอาคารเพิ่มเติมของจำเลยโดยระบุเงื่อนไขไว้ในหนังสือฉบับนั้นว่าปริมาณงานและราคาเด็ดขาดจะอยู่ภายใต้บังคับของการคิดจำนวนและคิดคำนวณราคาใหม่ของบริษัทเพจ เคิร์กแลนด์ (ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาของจำเลย ต่อมาอีก 2 สัปดาห์โจทก์ได้เข้าทำงานตามที่ได้รับหนังสือแจ้งความจำนงของจำเลย โดยจำเลยได้จ่ายเงินล่วงหน้าเป็นค่าจ้างให้แก่โจทก์ร้อยละ 15 ของราคาค่าจ้าง 117,460,777 บาท ที่โจทก์ประมาณการไว้ หลังจากนั้นโจทก์ได้ลงมือก่อสร้างตามแบบร่างการก่อสร้างที่บริษัทซีวิลดีซายน์ จำกัด ได้แก้ไขปรับปรุง ในงานก่อสร้างดังกล่าวโจทก์ได้ใช้เหล็กแผ่นและเหล็กค้ำยันยึดหลุมตอกทำเพื่อประโยชน์ในงานก่อสร้างด้วย โจทก์ได้ส่งมอบงานที่ทำเป็นงวด ๆ ต่อจำเลย โดยบริษัทซีวิลดีซายน์ จำกัด รับรองผลงาน ซึ่งมีบริษัทเพจ เคิร์กแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้คำนวณปริมาณงานและราคาแจ้งต่อจำเลยเพื่อให้ชำระเงินค่างวดแก่โจทก์ ในระหว่างการก่อสร้าง จำเลยยังจ้างให้โจทก์ก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวเนื่องและไม่เกี่ยวเนื่องกับโครงการโรงงานอาคารเตาหมายเลข 5 อีกหลายรายการ รวมทั้งงานก่อสร้างอาคารผสมวัตถุดิบ งานก่อสร้างอาคารไซโล 2 และงานก่อสร้างสะพานชั่งน้ำหนักรถบรรทุก ในส่วนงานก่อสร้างอาคารผสมวัตถุดิบ งานก่อสร้างอาคารไซโล 2 และงานก่อสร้างสะพานชั่งน้ำหนักรถบรรทุก มีงานเกี่ยวกับการใช้เหล็กแผ่นและเหล็กค้ำยันยึดหลุมตอกเพื่อประโยชน์ในการก่อสร้างเช่นเดียวกันด้วย โจทก์ได้ทำการก่อสร้างงานตามที่รับจ้างและรับเงินค่าจ้างจากจำเลยมาเป็นลำดับ จนถึงการส่งมอบงานงวดที่ 6 โจทก์ขอเบิกเงินค่าจ้างซึ่งรวมทั้งการใช้เหล็กแผ่นและเหล็กค้ำยันยึดหลุมในการก่อสร้างแต่ตกลงกับจำเลยในเรื่องงานเหล็กแผ่นและเหล็กค้ำยันยึดหลุมที่ใช้ในการก่อสร้างไม่ได้ ในที่สุดจำเลยไม่ยอมชำระเงินเฉพาะส่วนงานเหล็กแผ่นและเหล็กค้ำยันยึดหลุมที่โจทก์ใช้ในการก่อสร้างให้แก่โจทก์ โดยจะจ่ายแต่ส่วนงานการก่อสร้างทั่วไปเท่านั้น โจทก์ได้ทำการก่อสร้างงานตามที่ได้รับจ้างก่อสร้างจนเสร็จในเดือนตุลาคม 2534 แต่เมื่อโจทก์ขอเบิกเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายคือค่างานก่อสร้างทั่วไปประมาณ 4,600,000 บาท กับค่างานตอกเสาเข็มเหล็กแผ่นและเหล็กค้ำยันยึดหลุมจำเลยไม่ยอมชำระ โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ แต่ระหว่างการพิจารณาโจทก์ยินยอมรับชำระเงินเฉพาะค่างานก่อสร้างทั่วไปจากจำเลยจำนวน 4,355,614.41 บาท และไม่ติดใจเรียกร้องเงินตามฟ้องในส่วนนี้อีก นอกจากนี้ ยังปรากฏว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ใช้เหล็กแผ่นและเหล็กค้ำยันยึดหลุมตามปริมาณน้ำหนักดังฟ้องและจำเลยต้องรับผิดชำระค่าดำเนินการร้อยละ 15 ค่าภาษีการค้าร้อยละ 3.3 และค่าภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 เฉพาะในส่วนของงานอาคารไซโล 2 ซึ่งแล้วเสร็จหลังปี 2534 โจทก์กับจำเลยไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อนี้ ข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวจึงฟังเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยจะต้องชำระค่าตอกเสาเข็ม เหล็กแผ่น และเหล็กค้ำยันยึดหลุมที่โจทก์ใช้ในการก่อสร้างงานของจำเลยตามฟ้องหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจะต้องพิจารณาก่อนว่าสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยเกิดขึ้นเมื่อไร เห็นว่า ในการก่อสร้างโรงงานอาคารเตาหมายเลข 5 จำเลยได้มีหนังสือเชิญชวนให้บริษัทต่าง ๆ รวมทั้งโจทก์ยื่นประกวดราคาก่อสร้าง ซึ่งหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงคำเชื้อเชิญให้ทำคำเสนอเท่านั้น เมื่อโจทก์ยื่นประกวดราคาโดยกรอกรายการบัญชีแสดงปริมาณงานและราคาในแบบพิมพ์เชิญชวนให้ยื่นประกวดราคาต่อจำเลย ตามเอกสารหมาย จ.34 และ จ.35 เป็นการทำคำเสนอของโจทก์ที่ประสงค์จะเข้าทำสัญญาก่อสร้างให้จำเลย การที่จำเลยมีหนังสือเอกสารหมาย ล.27 แจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์ได้รับเลือกให้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างและแจ้งต่อไปว่า ปริมาณงานและราคาเด็ดขาดจะอยู่ภายใต้บังคับของการคิดจำนวนและคิดคำนวณราคาใหม่โดยที่ปรึกษาด้านราคา (บริษัทเพจเคิร์กแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ดังนั้น หนังสือดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นคำสนองอันมีข้อความเพิ่มเติม มีข้อจำกัดหรือมีข้อแก้ไขอย่างอื่นประกอบด้วย ซึ่งถือว่าเป็นคำบอกปัดไม่รับคำเสนอบางส่วนของโจทก์ ทั้งเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ด้วยในตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 359 วรรคสอง ต่อมาเมื่อโจทก์โดยนายวิชัย แสงชัยทิพย์ ผู้จัดการทั่วไปได้ลงลายมือชื่อยืนยันและยอมรับต่อท้ายข้อความหนังสือเอกสารหมาย ล.27 เท่ากับเป็นการสนองตอบสัญญาจ้างก่อสร้างระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเกิดขึ้น โดยโจทก์กับจำเลยจะต้องปฏิบัติตามข้อความที่ปรากฏในเอกสารหมาย ล.27 ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือ ปริมาณงานและราคาเด็ดขาดจะอยู่ภายใต้บังคับของการคิดจำนวนและคิดคำนวณราคาใหม่โดยบริษัทเพจ เคิร์กแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาด้านราคา และการคิดปริมาณงานและคำนวณราคาดังกล่าวในหนังสือเอกสารหมาย ล.27 มิได้ระบุให้ยึดถือตามรายการปริมาณงานและราคาตามเอกสารหมาย จ.34 และ จ.35 เป็นหลัก บริษัทเพจ เคิร์กแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงมีหน้าที่ที่จะต้องคิดปริมาณงานและคำนวณราคาใหม่ทั้งหมด และเมื่อคิดปริมาณงานและคำนวณราคาได้จำนวนเท่าไรแล้ว จำเลยก็ต้องชำระราคาดังกล่าวให้แก่โจทก์และโจทก์ก็ต้องยอมรับตามราคานั้นด้วย ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองว่าโจทก์ใช้เหล็กแผ่นและเหล็กค้ำยันยึดหลุมในการก่อสร้างงานของจำเลยตามปริมาณที่โจทก์ขอมาในฟ้อง คือ งานโรงงานอาคารเตาหมายเลข 5 จำนวน 718,000 กิโลกรัม งานโรงงานผสมวัตถุดิบ จำนวน 593,000 กิโลกรัม งานสะพานชั่งน้ำหนักรถบรรทุกจำนวน46,620 กิโลกรัม และงานอาคารไซโล 2 จำนวน 127,365 กิโลกรัมรวมทั้งสิ้น 1,484,985 กิโลกรัม นางสาวฟิโอนา แมรี่ ทอมสันผู้จัดการบริษัทเพจ เคิร์กแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด พยานจำเลยเบิกความว่า ได้แนะนำให้จำเลยชำระในราคา 25 บาท ต่อกิโลกรัมโดยใช้พื้นฐานการคำนวณของบริษัทซีวิลดีซายด์ จำกัด ดังนั้นจึงเท่ากับบริษัทเพจเคิร์กแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดค่างานตอกเสาเข็มเหล็กแผ่นและเหล็กค้ำยันยึดหลุมให้จำเลยชำระแก่โจทก์ในราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 25 บาท ซึ่งเมื่อนำราคาเหล็กแผ่นและเหล็กค้ำยันยึดหลุมดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับราคาที่โจทก์คิดจากจำเลยในการก่อสร้างอาคารเตาหมายเลข 3 เมื่อปี 2531 ราคากิโลกรัมละ 14 บาท และอาคารเตาหมายเลข 4 เมื่อปี 2532 ราคากิโลกรัมละ 20 บาท แล้วจะเห็นได้ว่าราคากิโลกรัมละ 25 บาท เป็นราคาที่เหมาะสม ดังนั้น จำเลยจึงต้องชำระค่าจ้างส่วนนี้ให้แก่โจทก์เป็นเงิน 37,124,625 บาท และจำเลยยังต้องรับผิดชอบชำระค่าดำเนินการร้อยละ 15 เป็นเงิน 5,568,693.75 บาท ค่าภาษีการค้าร้อยละ 3.3 เป็นเงิน 1,225,112.63 บาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ของราคาค่าจ้างในส่วนงานอาคารไซโล 2 ซึ่งเป็นงานที่เสร็จหลังปี 2534 เป็นเงิน 222,888.75 บาท รวมเป็นค่าจ้าง ค่าดำเนินการ และค่าภาษีการค้าที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น 43,918,431.38 บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 43,918,431.38 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2535 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยรับภาระชำระค่าภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 222,888.75 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share