แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบอกเล่า หากพยานบอกเล่ากล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล ศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย เมื่อวันที่8 มกราคม 2536 จำเลยมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานไม่ชอบและเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิมโดยนับอายุงานต่อเนื่องและให้จำเลยจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์นับแต่วันเลิกจ้างจนถึงวันรับกลับเข้าทำงาน
จำเลยให้การว่า โจทก์กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง และเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับว่าด้วยวินัยและการลงโทษพนักงาน ที่จำเลยไล่โจทก์ออกจากงานจึงชอบด้วยกฎหมายแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ได้ดำเนินการขอย้ายเสาไฟฟ้าแทนนายมงคล จงวิมาณสินธุ โดยได้รับเงินจากนายมงคลจำนวน 45,000 บาท เป็นการรับจ้างให้บริการทางไฟฟ้าเป็นการส่วนตัวโดยเบียดบังเวลาทำงานตามคำสั่งของจำเลย และเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษถึงไล่ออกตามข้อบังคับว่าด้วยวินัยและการลงโทษพนักงานเอกสารหมาย ล.6 ข้อ 32 และ ข้อ 33จำเลยลงโทษไล่โจทก์ออกจากงานชอบแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าคำให้การของนายมงคล จงวิมาณสินธุ์ ที่ให้ไว้ต่อคณะกรรมการสอบสวนของจำเลยตามเอกสารหมาย ล.2 เป็นพยานบอกเล่า เมื่อมิได้นำนายมงคลซึ่งยังมีชีวิตอยู่มาเบิกความรับรอง ย่อมไม่สามารถนำมาฟังและลงโทษโจทก์ได้นั้น เห็นว่าแม้คำให้การของนายมงคลตามเอกสารหมาย ล.2 จะเป็นพยานบอกเล่า แต่ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบอกเล่าดังกล่าว หากพยานบอกเล่ากล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล ศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้ ทั้งคดีนี้ศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยพิเคราะห์พยานหลักฐานอื่นของจำเลยประกอบคำรับของโจทก์เอง มิใช่รับฟังแต่เอกสารหมาย ล.2 เท่านั้น จึงเป็นการวินิจฉัยคดีโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน