แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 กับพวกใช้มีดปลายแหลมของกลางเล่มเดียวซึ่งมีความยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ 1 ฟุต แทงประทุษร้ายผู้เสียหายในการปล้นทรัพย์ จนผู้เสียหายตกจากรถจักรยานยนต์และช่วยกันลากผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง แล้วเอาปืนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายพาหนีไป ฝ่ายคนร้ายมีถึง 3 คนมีกำลังเหนือกว่าผู้เสียหายมาก หากมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้วย่อมมีโอกาสทำได้ แต่จำเลยที่ 1 กับพวกก็หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ บาดแผลของผู้เสียหายรวม 8 แผล แพทย์มีความเห็นว่ารักษา 10 วันหาย แสดงว่าเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ทำให้ผู้เสียหายถึงตายเพราะไม่ถูกที่สำคัญ เช่นนี้จำเลยที่ 1 มิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เพียงมีเจตนาทำร้ายเท่านั้นจึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกที่หลบหนีอีก ๑ คนร่วมกันใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธติดตัวไปปล้นทรัพย์เอารถจักรยานยนต์ ๑ คัน ปืนพกรีวอลเวอร์ขนาด ๙ มม. ๑ กระบอก รวมราคา ๑๙,๕๐๐ บาท ของเจ้าทรัพย์ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลรักษาของนายกลีบสมุทร นิลถนอมผู้เสียหายไปโดยทุจริต โดยในการปล้นทรัพย์จำเลยกับพวกได้ร่วมกันใช้มีดปลายแหลมที่ติดตัวไปดังกล่าวกลุ้มรุมแทงประทุษร้ายร่างกายนายกลีบสมุทร นิลถนอมผู้เสียหายหลายทีโดยเจตนาฆ่า ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บหลายแห่งปรากฏตามรายงานการชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง จำเลยกับพวกร่วมกันลงมือฆ่าผู้เสียหายแล้ว แต่ผู้เสียหายหลบหนีทันท่วงทีจึงไม่ถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลยทั้งนี้จำเลยกับพวกกระทำการดังกล่าวเพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ เพื่อยึดถือเอาทรัพย์และเพื่อเอาทรัพย์นั้นไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๐, ๘๓ ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๓ ฯลฯ จำคุก ๑๕ ปี และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙(๗) ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ จำคุกไว้ตลอดชีวิตเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก ๕๐ ปี รวมเป็นโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๖๕ ปี จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพลดโทกึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ แล้วคงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๓๒ ปี ๖ เดือน ฯลฯ ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๒ ฯลฯ ประกอบกับมาตรา ๗๕ วางโทษจำคุก ๘ ปี จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๔ ปี ข้อหาอื่นให้ยกนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ทางพิจารณาฟังได้ว่านายกลีบสมุทร นิลถนอม ผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงเรียนโดยพกอาวุธปืนพกสั้น ๑ กระบอกไปด้วย ระหว่างทางจำเลยที่ ๑ กับพวกอีก ๒ คนยืนรออยู่ริมถนนและเรียกให้ผู้เสียหายหยุดรถ แล้วจำเลยที่ ๑ กับพวกใช้มีดพกเล่มเดียวผลัดเปลี่ยนกันแทงผู้เสียหายหลายครั้ง ผู้เสียหายเข้าต่อสู้แต่สู้กำลังของคนร้ายไม่ไหวจึงล้มลง แล้วจำเลยที่ ๑ กับพวกได้ช่วยกันลากผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง เสร็จแล้วจำเลยที่ ๑ กับพวกได้เอาอาวุธปืนพกและขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายหลบหนีไป ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ ๑ กับพวกใช้มีดของกลางเล่มเดียวแทงผู้เสียหายจนตกจากรถจักรยานยนต์และข่วยกันลากผู้เสียหายเข้าป่าข้างทางแล้ว เอาปืนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายพาหนีไป ฝ่ายคนร้ายมีถึง ๓ คนมีกำลังเหนือกว่าผู้เสียหายมาก หากมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้วย่อมมีโอกาสทำได้ เฉพาะตอนที่ผู้เสียหายเพลี่ยงพล้ำล้มนอนให้จำเลยที่ ๑ กับพวกลากเข้าป่า แต่จำเลยที่ ๑ กับพวกก็หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ ลักษณะของบาดแผลของผู้เสียหายตามรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องรวม ๘ แผล นายแพทย์ผู้ชันสูตรระบุแต่ความยาวของแผลไว้เท่านั้น ซึ่งแต่ละแผลยาวไม่เกิน ๕ เซนติเมตร โดยไม่ได้ระบุความกว้างและความลึกของแผลไว้และมีความเห็นว่ารักษา ๑๐ วันหาย แสดงว่าบาดแผลเล็กน้อย นายแพทย์ผู้ชันสูตรบาดแผลได้เบิกความประกอบว่าบาดแผลเหล่านี้ไม่ทำให้ผู้เสียหายถึงตายเพราะไม่ถูกที่สำคัญ เช่นนี้เชื่อได้ว่าจำเลยที่ ๑ มิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย รับฟังได้ว่าในการปล้นทรัพย์ครั้งนี้จำเลยที่ ๑ ใช้มีดแทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาทำร้ายเท่านั้น หาได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายไม่ และผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ฯลฯ
พิพากษายืน