คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2510 แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเหตุเกิดวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2510ข้อเท็จจริงจึงต่างกับฟ้องแต่วันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้องเป็นแต่เพียงรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้นและทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้เพราะจำเลยให้การรับสารภาพหากทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามสารสำคัญของคำฟ้องแล้วศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้(อ้างฎีกาที่ 926/2510)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2510 จำเลยทั้งสองใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายผู้เสียหายโดยเจตนาจะฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องโจทก์หาว่าจำเลยทำผิดวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2510 ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยกระทำผิดวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2510 ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องและเป็นข้อสารสำคัญในคดี ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ได้ลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 พิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยทั้งสอง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2510 แต่ตามทางพิจารณาปรากฏว่าเหตุเกิดวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2510 ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง แต่วันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้อง เป็นแต่เพียงรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น และทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ จำเลยให้การรับสารภาพ หากทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามสารสำคัญของคำฟ้องแล้ว ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้ ดังฎีกาที่ 926/2510 แต่ศาลล่างยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญของคำฟ้องว่าคดีพอฟังว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่

พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงเช่นว่านั้น แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share