คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเช่าที่ดินพิพาทเพื่อดำเนินธุรกิจฟาร์มเพาะพันธุ์ปลา มิได้เช่าที่ดินพิพาทเพื่อใช้ทำนา จึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้เช่านาตามความหมายในพ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 แต่เป็นการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่น จึงต้องนำมาตรา 63 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวมาใช้บังคับซึ่งมีใจความว่ากรณีที่รัฐบาลเห็นสมควรให้มีการควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นนอกจากการเช่านา ให้กระทำโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาแต่จนบัดนี้ยังไม่มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการควบคุมการประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นใดอีก ผู้ร้องจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าว กรณีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ที่ คชก.ตำบล และ คชก.จังหวัดจะพิจารณาได้ ดังนั้นคำชี้ขาดของ คชก.จังหวัดนครนายกที่ให้ผู้คัดค้านขายที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้องจึงเป็นคำชี้ขาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลชั้นต้นต้องปฏิเสธไม่รับบังคับตามคำชี้ขาดนั้นตาม พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 58 วรรคหนึ่งประกอบ พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2530 มาตรา 24 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาบังคับตามคำชี้ขาดของ คชก.จังหวัดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงเป็นคำพิพากษาที่ฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ผู้คัดค้านทั้งสองจึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตามข้อยกเว้นของมาตรา 26 (2) แห่ง พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการพ.ศ.2530

Share