แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ทั้งข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาโจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์มิได้โต้เถียงข้อเท็จจริง เพียงแต่บรรยายข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังเป็นยุติแล้ว ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จตามฟ้องแล้วฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง(อันดับ 82 แผ่นที่ 2)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,175,177,326,393 และ 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175 และ 177 มีมูล จึงให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาในฐานความผิดดังกล่าว ส่วนข้อหาตามมาตรา 326 และ 393 นั้นไม่มีมูลที่จะรับไว้พิจารณา พิพากษายกฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 มาตรา 393
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 78)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 81 แผ่นที่ 2)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฎีกาโต้แย้งว่า จำเลยทั้งสามนำเอาความเท็จมาฟ้อง และคำเบิกความของจำเลยที่ 2 เป็นความเท็จเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ให้ยกคำร้อง