คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2464/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินเป็นของโจทก์โดยได้รับยกให้และครอบครองมาขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองและขับไล่จำเลย ทางพิจารณาฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นทายาทและได้ครอบครองร่วมกันมา ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งที่พิพาทให้โจทก์และจำเลยตามส่วนที่มีสิทธิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่มีโฉนด 1 แปลง โดยบิดามารดาโจทก์ยกให้และโจทก์ครอบครองตลอดมา โจทก์ขอรังวัดออกโฉนดจำเลยทั้งสามคัดค้าน ต่อมาจำเลยที่ 1 เข้ามาปลูกกระต๊อบในที่พิพาท โจทก์บอกให้รื้อจำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว ให้จำเลยที่ 1 รื้อกระต๊อบออกไป ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องและให้จำเลยถอนคำคัดค้านการรังวัดออกโฉนดของโจทก์ ถ้าจำเลยไม่สามารถจะไปถอนคำคัดค้านได้ ขอให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยทั้งสามให้การว่า เดิมนายแจ้งบิดาโจทก์และเป็นบิดาของจำเลยที่ 1ที่ 2 และนายคร้ามเป็นผู้ครอบครองที่พิพาท ต่อมานายแจ้งถึงแก่กรรม จำเลยที่ 1 ที่ 2 และนายคร้ามจึงเข้าครอบครองทำประโยชน์ เมื่อนายคร้ามถึงแก่กรรมลง จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรได้เข้าครอบครองแทน โจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทเป็นเวลาเกินกว่า 5 ปีแล้ว จึงไม่มีสิทธิครอบครอง

ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทเป็นมรดกของนายแจ้ง โจทก์และจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นทายาทของนายแจ้งได้ครอบครองที่พิพาทร่วมกันมา จึงไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า ที่พิพาทเป็นมรดกของนายแจ้งตกได้แก่โจทก์และจำเลยทั้งสามและได้ครอบครองร่วมกันมา ขณะนายแจ้งตายมีทายาทเพียง 4 คนคือโจทก์, จำเลยที่ 1, ที่ 2 และนายคร้าม ต่อมานายคร้ามตาย จำเลยที่ 3 รับมรดกของนายคร้าม นายออและนางไอบุตรนายคร้ามมิได้เข้ามาเกี่ยวข้องครอบครองที่พิพาท วินิจฉัยว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ศาลฎีกาเห็นสมควรให้แบ่งที่พิพาทให้โจทก์และจำเลยทั้งสามไปเสียทีเดียว

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้แบ่งที่พิพาทเป็น 4 ส่วนให้โจทก์และจำเลยทั้งสามได้รับคนละ 1 ส่วน หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้ประมูลที่พิพาทระหว่างกันเอง หากตกลงกันไม่ได้ ให้เอาที่พิพาทขายทอดตลาดแบ่งเงินกันตามส่วนที่มีสิทธิ

Share