แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและให้จำหน่ายคดีโดยอ้างว่าการที่โจทก์ไม่ไปศาลในวันสืบพยานโจทก์นั้น ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแล้ว เพียงแต่มิได้ยื่นต่อศาลชั้นต้น(ศาลจังหวัดเลย) โดยตรง เพราะทนายโจทก์ป่วยอยู่ที่จังหวัดหนองคาย จึงได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีต่อศาลจังหวัดหนองคายเพื่อให้ส่งคำร้องไปยังศาลชั้นต้นอีกต่อหนึ่ง ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์มิได้ขาดนัดพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 197 วรรค 2 โจทก์จึงมีสิทธิที่จะต้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและหากฟังได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยานดังที่โจทก์อ้าง ก็จะถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและจำหน่ายคดีของโจทก์ตามมาตรา 201 ไม่ได้ ฉะนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
วันนัดสืบพยานโจทก์(นัดแรก) ทนายโจทก์ป่วยอยู่ที่จังหวัดหนองคายเนื่องจากทอนซิลอักเสบและแพทย์ให้ความเห็นว่าสมควรหยุดพักรักษาตัว ซึ่งถ้าทนายโจทก์ป่วยอยู่ที่จังหวัดเลยอันอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นแล้ว ทนายโจทก์ก็ต้องร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่ไปศาลให้ศาลชั้นต้นทราบเสียก่อนลงมือสืบพยาน คดีนี้นัดสืบพยานโจทก์ไว้เวลา 9 นาฬิกา ปรากฏว่าคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายโจทก์ซึ่งยื่นต่อศาลจังหวัดหนองคายโดยอาศัยบทบัญญัติมาตรา 10 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น พนักงานรับฟ้องของศาลจังหวัดหนองคายลงรับไว้เวลา 10.00 นาฬิกา แต่ศาลชั้นต้นได้รออยู่จนเวลา 10.05 นาฬิกา จึงได้สั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ ดังนั้น จะถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาไม่ได้ เพราะกรณีดังกล่าวถึงว่าโจทก์ได้ร้อบขอเลื่อนคดีก่อนลงมือสืบพยานแล้ว
(วรรค 2 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2519)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่ดินอันเป็นที่ตั้งวัด ราษฎรเคยสร้างโรงเรียนในที่ดินของโจทก์แล้วรื้อไป จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ได้ร่วมกันแจ้งและทำหลักฐานว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินของโรงเรียน ขอให้เพิกถอนการแจ้งการครอบครองที่ดิน(ส.ค.๑) ให้จำเลยจำหน่ายทะเบียนสารบบ ส.ค.๑ และร่วมกันใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทุกคนให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินราชพัสดุประเภทสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยไม่มีอำนาจหน้าที่เพิกถอนสิทธิหรือถอนการแจ้งการครอบครองที่ดินพิพาทโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานและนัดสืบพยานโจทก์วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ เวลา ๙ นาฬิกา เมื่อถึงวันนัด ศาลชั้นต้นรอยอยู่จนเวลา ๑๐.๐๕ นาฬิกา คงมีแต่จำเลยไปศาลฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นจึงสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ ในวันนั้นเองหลังจากสั่งจำหน่ายคดีแล้ว ศาลชั้นต้นได้รับโทรเลขของทนายโจทก์ว่า “ทนายโจทก์ป่วยอยู่ที่หนองคายตามใบแพทย์ ไม่สามารถว่าความได้ตามนัด ได้ยื่นขอเลื่อนคดีต่อศาลจังหวัดหนองคาย คำร้องตามมา มิได้จงใจขาดนัด โปรดอนุญาต” และในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ นั้น ศาลชั้นต้นได้รับหนังสือของศาลจังหวัดหนองคาย ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ ส่งคำร้องและใบรับรองแพทย์ของทนายโจทก์ ตามคำร้องมีใจความว่าทนายโจทก์ป่วยทอนซิลอักเสบอยู่ที่จังหวัดหนองคาย ไม่อาจมาดำเนินกระบวนพิจารณาตามนัดของศาลจังหวัดเลยได้ จึงขอยื่นคำร้องเลื่อนการพิจารณาที่ศาลจังหวัดหนองคายและขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลจังหวัดเลยด้วย ตามใบรับรองแพทย์ปรากฏว่าทนายโจทก์ทอนซิลอักเสบเป็นหนอง ศาลชั้นต้นสั่งรวม ต่อมาวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๑๘ โจทก์ยื่นคำร้องว่า ทนายโจทก์ป่วยอยู่ที่จังหวัดหนองคาย ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีต่อศาลจังหวัดหนองคายเพื่อให้ส่งไปยังศาลชั้นต้นและโทรเลขแจ้งให้ทราบแล้ว มิได้จงใจขาดนัด ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีและให้ดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีได้ ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า มีเหตุสมควรอนุญาตให้เลื่อนคดีได้ตามคำร้อง ให้ยกคำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาตามรูปคดี
จำเลยทุกคนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หากโจทก์ขาดนัดพิจารณาตามความหมายที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๗ วรรค ๒ และศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสีย ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๑ โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นหรือมีคำของให้พิจารณาคดีนั้นใหม่มิได้ คงมีสิทธิเพียงเสนอคำฟ้องได้ใหม่ภายในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยอายุความเท่านั้น มาตรา ๑๙๗ วรรค ๒ บัญญัติว่า “ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาศาลในวันสืบพยาน และมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยาน ให้ถือว่าคู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณา คดีนี้ โจทก์ได้ยื่นคำร้องหลังจากศาลสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและจำหน่ายคดีว่า การที่โจทก์ไม่ไปศาลในวันสืบพยานโจทก์นั้น ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแล้ว เพียงแต่มิได้ยื่นต่อศาลชั้นต้นโดยตรง เพราะทนายโจทก์ป่วยอยู่ที่จังหวัดหนองคาย จึงได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีต่อศาลจังหวัดหนองคายเพื่อให้ส่งคำร้องไปยังศาลชั้นต้นอีกต่อหนึ่ง ฉะนั้นจึง เป็นกรณีที่โจทก์มิได้ขาดนัดพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๙๗ วรรค ๒ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะต้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณานั้น และหากฟังได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยานดังที่โจทก์อ้าง ก็จะถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและจำหน่ายคดีของโจทก์ตามมาตรา ๒๐๑ มิได้ ฉะนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดี โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้น และศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ จึงชอบแล้ว
ทนายโจทก์ได้ป่วยอยู่ที่จังหวัดหนองคายในวันนัดสืบพยานโจทก์ เนื่องจากทอนซิลอักเสบและแพทย์ให้ความเห็นว่าสมควรหยุดพักรักษาตัวจริง ซึ่งถ้าทนายโจทก์ป่วยอยู่ที่จังหวัดเลยอันอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นแล้ว ทนายโจทก์ก็ต้องร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่ไปศาลให้ศาลชั้นต้นทราบเสียก่อนลงมือสืบพยาน คดีนี้นัดสืบพยานโจทก์ไว้เวลา ๙ นาฬิกา ปรากฏว่าคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายโจทก์ซึ่งยื่นต่อศาลจังหวัดหนองคายโดยอาศัยบทบัญญัติมาตรา ๑๐ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น พนักงานรับฟ้องของศาลจังหวัดหนองคายลงรับไว้เวลา ๑๐ นาฬิกา แต่ศาลชั้นต้นได้รออยู่จนเวลา ๑๐.๐๕ นาฬิกา จึงได้สั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ จึงมีปัญหาว่า การร้องขอเลื่อนคดีของโจทก์ซึ่งยื่นต่อศาลอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๐ โดยยื่นภายหลังกำหนดวันนัดสืบพยานที่ศาลเดิม แต่ยื่นก่อนที่ศาลเดิมสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา จึงถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๙๗ วรรค ๒ ไม่ได้ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยปัญหานี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่า จะถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณามิได้ เพราะกรณีดังกล่าวถึงว่าโจทก์ได้ร้องขอเลื่อนคดีก่อนลงมือสืบพยานแล้ว และศาลฎีกาเห็นว่าคำร้องขอเลื่อนคดีของโจทก์มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนได้ตามความเห็นของศาลอุทธรณ์
พิพากษายืน