แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
สินค้าถูกทำลายโดยอุบัติเหตุอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งอธิบดีกรมศุลกากรอาจยกเว้นค่าภาษีที่จะต้องเสียหรือคืนค่าภาษีที่ได้เสียแล้วสำหรับของนั้นได้ตาม พระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 95 แต่ในกรณีกรมศุลกากรเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยย่อมถือได้โดยปริยายแล้วว่า อธิบดีกรมศุลกากรได้ใช้ดุลพินิจไม่ยกเว้นค่าภาษีให้แก่จำเลยตามมาตรา 95 ดังกล่าวแล้ว กรณีจึงต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามมาตรา 95 ที่ศาลมีอำนาจพิพากษาให้ยกเว้นค่าภาษีแก่จำเลยได้ แต่ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า สินค้าพิพาทถูกทำลายโดยอุบัติเหตุอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ผู้นำเข้าควรได้รับการยกเว้นค่าภาษีที่จะต้องเสียแล้วพิพากษายกฟ้องเพื่อให้อธิบดีกรมศุลกากรใช้ดุลพินิจยกเว้นค่าภาษีที่จะต้องเสียให้แก่จำเลยหรือไม่ต่อไปนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5),246 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 29
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินภาษีอากร จำนวน 5,211,085บาท แก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การว่า จำเลยมิใช่ตัวแทนในประเทศไทยของเรือลีเฮงในการรายงานเรือเข้าและแจ้งเรือออกต่อศุลกากร หรือการกระทำอื่นใดในนามเรือลีเฮง สินค้าทั้ง 32 รายการ ตามฟ้องถูกเพลิงไหม้จนเป็นซากขณะอยู่ในเรือลีเฮง ซึ่งจอดอยู่หน้าท่าเรือกรุงเทพเกิดจากอุบัติเหตุอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้และโดยมิใช่ความผิดของเรือลีเฮงหรือของจำเลย กรณีจึงต้องตามมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติ ศุลกากร พ.ศ. 2469 ซึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรขาเข้า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า สินค้าพิพาทถูกทำลายโดยอุบัติเหตุอันมิอาจหลีกเลี่ยงเสียได้ ผู้นำเข้าควรได้รับการยกเว้นค่าภาษีที่จะต้องเสียตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 95 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยข้อแรกว่า สินค้าพิพาทถูกทำลายโดยอุบัติเหตุอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้หรือไม่ทางพิจารณาโจทก์ทั้งสองนำสืบเกี่ยวกับปัญหาข้อนี้ว่า สาเหตุที่เรือลีเฮงเกิดเพลิงไหม้จนสินค้าพิพาท 32 รายการ เสียหายมิใช่อุบัติเหตุ แต่น่าจะเกิดจากการที่มีบุคคลทำให้ผงถ่านกัมมัน (ACTIATED CARBON) ลุกไหม้ขึ้นซึ่งจำเลยสามารถป้องกันได้ หาใช่เกิดจากการเก็บสะสมความร้อนของผงถ่านกัมมันไม่ เพราะผงถ่านกัมมันจะลุกไหม้ได้จะต้องมีอุณหภูมิต่ำสุดระหว่าง 300 ถึง 488 องศาเซลเซียส ส่วนจำเลยนำสืบว่า สาเหตุเพลิงไหม้เรือลีเฮงและสินค้าพิพาท 32 รายการเกิดจากผงถ่านกัมมันซึ่งมีคุณสมบัติเก็บสะสมความร้อนได้ลุกไหม้ขึ้นเอง ตามหนังสือแจ้งผลการตรวจพิสูจน์ของเจ้าพนักงานตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ เอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 303 ถือว่าเป็นอุบัติเหตุอันมิอาจหลีกเลี่ยงเสียได้ ศาลฎีกาเห็นว่าแม้โจทก์ทั้งสองจะมีนางสาวอุราวรรณ อุ่นแก้ว นักวิทยาศาสตร์ 5ประจำกรมวิทยาศาสตร์บริการเป็นพยานเบิกความว่าอุณหภูมิต่ำสุดที่จะทำให้ผงถ่านกัมมันลุกไหม้ได้อยู่ระหว่าง 300 ถึง 488องศาเซลเซียส ทั้งนี้แล้วแต่วัตถุดิบที่นำมาทำผงถ่านกัมมันและมีนายสุวัฒน์ แสงวิชัยภัทร กรรมการผู้จัดการบริษัทต้าฉิ้งจำกัด ผู้สั่งผงถ่านกัมมันที่ถูกไฟไหม้เข้ามาเป็นพยานเบิกความสนับสนุน แต่โจทก์ทั้งสองก็มิได้นำสืบให้ได้ความว่าสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากอะไร ที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ว่าน่าเชื่อว่าเหตุไฟไหม้เกิดจากการจงใจหรือความประมาทเลินเล่อของคนงานของจำเลยที่แอบสูบบุหรี่แล้วทำก้นบุหรี่ตกลงไปในช่องว่างระหว่างถุงผงถ่านกัมมันนั้น ก็เป็นเพียงการคาดคะเนของโจทก์ทั้งสองและพยานโจทก์ทั้งสองเท่านั้น ส่วนจำเลยมีร้อยตำรวจเอกนพดลกันตะกนิษฐ์ เจ้าพนักงานตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจเป็นพยานเบิกความประกอบรายงานการตรวจสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 209 ถึง 211 ว่า สาเหตุเพลิงไหม้น่าจะเกิดจากการสะสมความร้อนของสารคาร์บอนแบล็ค ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงมีชื่อเป็นภาษาไทยว่าผงถ่านกัมมัน เมื่อผงถ่านกัมมันได้รับความร้อนถึงจุดที่จะลุกไหม้ก็จะลุกไหม้ได้เองโดยไม่ต้องมีเชื้อเพลิงจากที่อื่น จากการที่พยานไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ในวันรุ่งขึ้นพบว่าจุดที่เสียหายมากที่สุดอยู่ตรงบริเวณหัวเรือชั้นล่างซึ่งเป็นที่วางผงถ่านกัมมัน ระวางเรือชั้นล่างนี้เมื่อปิดระวางเรือแล้วสภาพอากาศจะอับ เมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้วแผ่นไม้กระดานที่ปิดกั้นระวางด้านล่างจะเสียหายมากกว่าด้านบน สันนิษฐานว่าเพลิงไหม้จากด้านล่างขึ้นมาด้านบน นอกจากนี้จำเลยยังมีนายประคอง อินใจเอื้อ นายละมุง หิรัญรุ่ง และนายพิชานัต อำพันธ ลูกจ้างของบริษัทเอเชียมารีไทม์ จำกัดซึ่งเป็นผู้ขนถ่ายสินค้าจากเรือลีเฮง ขณะเกิดเหตุ เป็นพยานเบิกความสอดคล้องต้องกันว่า บนระวางเรือมีกฎห้ามสูบบุหรี่หากใครจะสูบบุหรี่ต้องไปสูบที่ท้ายเรือ ใครฝ่าฝืนจะถูกไล่ออกจากงาน วันเกิดเหตุไม่มีคนสูบบุหรี่ ขณะเกิดเหตุกำลังขนถ่ายสินค้าที่ระวางเรือชั้นบนตอนหัวเรือ เปลวไฟลุกมาจากระวางเรือชั้นล่าง ขณะไฟไหม้ยังไม่ได้เปิดไม้กระดานที่ระวางเรือชั้นล่างเรือลีเฮงมีปล่องระบายอากาศอยู่ที่ช่วงกลางเรือและช่วงท้ายเรือโดยเฉพาะนายประคองเบิกความว่า พยานเคยเปิดฝาระวางเรือเวลากลางคืน เมื่อเปิดขึ้นมาอุณหภูมิชั้นล่างจะร้อนระอุ ระวางเรือยิ่งลึกมากยิ่งร้อนมาก พยานหลักฐานของจำเลยจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสอง ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สาเหตุเพลิงไหม้เรือลีเฮงเกิดจากผงถ่านกัมมันเก็บสะสมความร้อนไว้จนลุกไหม้ขึ้นเองเป็นเหตุให้สินค้าพิพาท 32 รายการเสียหายถือว่าสินค้าพิพาทถูกทำลายโดยอุบัติเหตุอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งอธิบดีกรมศุลกากรอาจยกเว้นค่าภาษีที่จะต้องเสียหรือคืนค่าภาษีที่ได้เสียแล้วสำหรับของนั้นได้ ตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 95 ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า สินค้าพิพาทถูกทำลายโดยอุบัติเหตุอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ชอบแล้วอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่าผู้นำของเข้าควรได้รับการยกเว้นค่าภาษีที่จะต้องเสียตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 95 แล้วพิพากษายกฟ้อง เพื่อให้อธิบดีกรมศุลกากรใช้ดุลพินิจสั่งยกเว้นค่าภาษีที่จะต้องเสียให้แก่จำเลยหรือไม่ต่อไป นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ว่าตามมาตรา 95 จะบัญญัติให้เป็นดุลพินิจของอธิบดีกรมศุลกากรที่จะสั่งยกเว้นภาษีก็ตาม แต่ในกรณีกรมศุลกากรเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเช่นคดีนี้ย่อมถือได้โดยปริยายแล้วว่าอธิบดีกรมศุลกากรได้ใช้ดุลพินิจไม่ยกเว้นค่าภาษีให้แก่จำเลยตามมาตรา 95ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเหตุเพลิงไหม้ซึ่งทำให้สินค้าพิพาทที่นำเข้าถูกทำลายเป็นอุบัติเหตุอันมิอาจหลีกเลี่ยงเสียได้ในขณะที่อยู่บนเรือ กรณีจึงต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามมาตรา 95 ที่ศาลมีอำนาจพิพากษาให้ยกเว้นค่าภาษีแก่จำเลยได้คำวินิจฉัยของศาลภาษีอากรกลางส่วนนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5), 246 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 29 คดีไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นตามอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์ทั้งสองอีกแต่อย่างใด ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน