คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ขณะเกิดเหตุจำเลยรับราชการเป็นหัวหน้าหมวดช่าง โยธาประจำสถานีรายงานนครพนมของโจทก์ มีหน้าที่ดูแล รักษาทรัพย์สินของทางราชการที่อยู่ในความรับผิดชอบซึ่งรวมทั้งท่อประปาที่ถูกคนร้ายลักไปด้วยปรากฏว่าท่อประปาที่หายไปกองอยู่ในบริเวณรั้วห่างโรงจักร ไฟฟ้าไม่ถึง 20 เมตร ในการปฏิบัติหน้าที่จำเลยได้จัดเวรยามคอยติดเครื่องจักรไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งมีหมวดอากาศโยธินจัดเวรยามรักษาความปลอดภัยและมีรถยนต์วิ่งตรวจการณ์ 24 ชั่วโมง โดยโจทก์เองก็มิได้มีคำสั่งให้จำเลยต้องจัดเวรยามเฝ้าท่อประปาเป็นพิเศษแต่อย่างใด เช่นนี้การที่คนร้ายเล็ดลอดหลบหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้ามาในบริเวณสถานีรายงานและลอบเข้าไปตัดรั้วลวดหนามของโรงจักร ไฟฟ้าลักท่อประปาของโจทก์ไป ย่อมถือว่าจำเลยไม่ได้กระทำการอันเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้ท่อประปาของโจทก์สูญหายจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นนายทหารประจำการ สังกัดฝ่ายจำหน่ายไฟฟ้าแผนกไฟฟ้า กองไฟฟ้า-ประปา กรมช่างโยธาทหารอากาศ เคยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายช่างโยธาที่สถานีรายงานนครพนมซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการควบคุมดูแลกิจการสายช่างโยธาทั้งหมด รวมทั้งควบคุมดูแลรักษาอุปกรณ์ทรัพย์สินในสถานีรายงานนครพนม ระหว่างวันที่ 29กรกฎาคม 2523 ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2523 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่อปล่อยปละละเลยไม่ได้จัดเวรยามเผ้าตรวจดูแลทรัพย์สิน ไม่ได้ติดตั้งดวงโคมไฟฟ้าให้แสงสว่างหรือตรวจดูแลรักษาทรัพย์สินด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด เป็นเหตุให้คนร้ายเข้าไปในบริเวณสถานีรายงานนครพนม ลักเอาท่อประปาจำนวน73 ท่อน ราคา 43,800 บาทของโจทก์ที่เก็บไว้ที่สถานีรายงานนครพนมไป การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 43,800 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าการดำเนินการเกี่ยวกับการควบคุมและดูแลรักษาอุปกรณ์ท่อประปาเป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่นในกองทัพอากาศ และหน่วยป้องกัน สร.นพ. มีการผลัดเปลี่ยนเข้าเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง จำเลยไม่เคยจงใจหรือประมาทเลินเล่อปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมดูแลรักษาทรัพย์สินของโจทก์ เหตุที่ท่อประปาสูญหายไปเป็นความบกพร่องในหน้าที่ของหน่วยงานอื่นจำเลยไม่ต้องรับผิด ค่าเสียหายอย่างมากไม่เกิน5,000 บาท คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีหน้าที่ดูแลท่อประปาของโจทก์ได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ท่อประปาหายไป พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน 43,800 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการที่คนร้ายตัดรั้วลวดหนามเข้าไปลักเอาท่อประปาดังกล่าวไปไม่ได้เกิดจากการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลยจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์จำเลยนำสืบและที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังมาว่า เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2523 ได้มีคนร้ายเข้าไปในบริเวณสถานีรายงานนครพนมของโจทก์เรียกชื่อย่อว่าสร.นพ. ลักเอาท่อประปา ขนาด 6 นิ้ว คูณ 6 เมตร จำนวน 73 ท่อนของโจทก์ไปขณะเกิดเหตุจำเลยรับราชการเป็นหัวหน้าหมวดช่างโยธาประจำสถานีรายงานนครพนมของโจทก์ มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับอาคารสถานที่ถนน ประปา เครื่องทุ่นแรง ไฟฟ้า และเครื่องปรับอากาศของสถานี และเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบงานในหน้าที่เหล่านี้ กับมีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของทางราชการที่อยู่ในความรับผิดชอบ รวมทั้งท่อประปาที่ถูกคนร้ายลักไปดังกล่าวข้างต้นด้วย ตามคำสั่งของโจทก์เอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ท่อประปาของโจทก์สูญหาย และคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่กับเรื่องค่าเสียหาย
พิเคราะห์แล้ว ได้ความตามคำเบิกความของนาวาอากาศโทวิชิตรมยะพันธ์ ผู้บังคับสถานีรายงานนครพนม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยว่าท่อประปาที่หายมีอยู่ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2522 ที่นาวาอากาศโทวิชิตและจำเลยจะไปรับราชการที่สถานีรายงานนครพนมแล้วโดยวางกองอยู่ข้างโรงจักรไฟฟ้าหลังสถานี ภายในรั้วของโรงจักรไฟฟ้านั้นเอง ข้อเท็จจริงก็ได้ความว่า จำเลยได้จัดเวรยามคอยติดเครื่องจักรไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ท่อประปากองอยู่ภายในบริเวณรั้วห่างโรงจักรไฟฟ้าไม่ถึง 20 เมตร นับว่าอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วไม่น่าจะต้องติดโคมไฟบริเวณที่ท่อประปากองอยู่หรือจัดเวรยามเฝ้าท่อประปานั้นอีกตามคำสั่งของโจทก์เอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 ก็ไม่ได้ระบุว่าจำเลยจะต้องจัดเวรยามเฝ้าท่อประปาเป็นพิเศษแต่อย่างใด ตามที่โจทก์นำสืบก็ได้ความว่ารอบบริเวณสถานีรายงานนครพนมมีรั้วลวดหนามล้อมรอบมีหมวดอากาศโยธิน จัดเวรยามรักษาความปลอดภัยและมีรถยนต์วิ่งตรวจการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง การที่จำเลยนำท่อประปาไปกองไว้ข้างโรงจักรไฟฟ้า ซึ่งมีรั้วล้อมรอบอีกชั้นหนึ่งจึงเป็นการใช้ความระมัดระวังอย่างดีแล้ว การที่คนร้ายเล็ดลอดหลบหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้ามาในบริเวณสถานีรายงานและลอบเข้าไปตัดรั้วลวดหนามของโรงจักรไฟฟ้าลักท่อประปาของโจทก์ไป จึงถือเป็นความผิดของจำเลยไม่ได้ จำเลยไม่ได้กระทำการอันเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้ท่อประปาของโจทก์สูญหาย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ กับเรื่องค่าเสียหายไม่จำต้องวินิจฉัยต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share