คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2505 และ 18 กรกฎาคม 2505จำเลยได้ยืมเงินโจทก์ไป ได้ทำสัญญากู้ไว้โดยไม่ได้ระบุเวลาชำระเงินแต่จำเลยสัญญาว่าจะชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้ภายใน 3 ปีครบกำหนดในพ.ศ. 2508 จำเลยไม่ชำระหนี้ จำเลยให้การรับว่าได้ยืมเงินโจทก์ไปจริงตามฟ้อง แต่ได้หักหนี้กันไปแล้ว และคดีขาดอายุความ เรื่องกำหนดเวลาใช้เงิน 3 ปีก็ดี เรื่องหนี้ถึงกำหนดชำระในพ.ศ. 2508 ก็ดี จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธไว้ ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยรับตามฟ้อง และโจทก์ไม่จำต้องสืบพยานในข้อนี้เพราะฟังได้แล้วว่าครบกำหนดชำระหนี้เมื่อพ.ศ. 2508 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม2515 คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๐๕ จำเลยได้ยืมเงินโจทก์๑๐,๐๐๐ บาท และเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๐๕ จำเลยได้ยืมเงินโจทก์อีก๓๐,๐๐๐ บาท ได้ทำสัญญากู้ไว้ทั้งสองครั้งโดยไม่ได้ระบุเวลาชำระเงินไว้ในสัญญา แต่จำเลยสัญญาว่าจะชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ภายในกำหนดสามปี เมื่อครบกำหนดสามปีใน พ.ศ. ๒๕๐๘ แล้ว จำเลยไม่ชำระหนี้ขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความ เพราะนับแต่วันที่จำเลยยืมเงินโจทก์จนถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้คือวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๑๕เป็นเวลาเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว จำเลยได้ยืมเงินโจทก์ไปจริงตามฟ้อง แต่โจทก์ไม่คิดเอาดอกเบี้ย และใน พ.ศ. ๒๕๐๕ นั้นเอง โจทก์ได้จ้างเหมาให้จำเลยทำที่ดินของโจทก์ให้เป็นสวนผลไม้ยืนต้น รวมทั้งให้จำเลยดูแลต่อไปอีก๓ ปี เป็นค่าจ้าง ๔๐,๐๐๐ บาท โดยหักหนี้ที่จำเลยยืมไปจากโจทก์ จำเลยได้ดำเนินการตามที่โจทก์ว่าจ้างเสร็จบริบูรณ์แล้ว จึงไม่มีหนี้สินติดค้างต่อกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า สัญญากู้ตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องฉบับลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๐๕ และฉบับลงวันที่ ๑๘กรกฎาคม ๒๕๐๕ ไม่ได้กำหนดเวลาชำระเงิน ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยและไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้ให้กู้ เมื่อสัญญานี้ไม่ได้ระบุเวลาชำระเงิน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำสืบว่าการกู้รายนี้มีกำหนดระยะเวลาชำระเงินภายใน๓ ปี เพราะเป็นการนำสืบเพิ่มเติมข้อความในเอกสาร เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ เมื่อเป็นดังนี้ถือได้ว่าเวลาอันจะพึงชำระหนี้มิได้กำหนดลงไว้ และไม่อาจอนุมานจากพฤติการณ์ใด ๆ ได้ จึงต้องถือว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ได้ตั้งแต่วันที่ให้กู้เป็นต้นไป โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๑๕ โดยไม่ปรากฏว่ามีการรับสภาพหนี้อย่างใด คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าการกู้ยืมรายนี้จำเลยสัญญาว่าจะชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ภายใน ๓ ปีจำเลยมิได้ปฏิเสธความข้อนี้ และเมื่อพิเคราะห์คำให้การของจำเลยเรื่องโจทก์จ้างเหมาให้จำเลยทำที่ดินโจทก์ให้เป็นสวนผลไม้และดูแลรักษาต่อไปอีก ๓ ปีแล้ว เป็นการเจือสมข้อกล่าวอ้างของโจทก์ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าได้มีการตกลงจะชำระหนี้กันภายใน ๓ ปี จึงไม่ต้องนำเอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ มาปรับ สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้จะเกิดขึ้นเมื่อระยะเวลากู้ยืมครบกำหนด๓ ปีแล้ว คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
มีปัญหาในชั้นนี้ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์กล่าวในฟ้องว่าสัญญากู้ไม่ได้ระบุเวลาชำระเงินกันไว้ แต่จำเลยสัญญาว่าจำเลยจะชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ภายใน ๓ ปี หนี้จึงครบกำหนดชำระเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่คิดดอกเบี้ยกับจำเลย แต่เรื่องกำหนดเวลาใช้เงิน ๓ ปีก็ดี เรื่องหนี้ถึงกำหนดชำระใน พ.ศ. ๒๕๐๘ ก็ดี จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธไว้ ต้องถือว่าจำเลยรับตามฟ้องและโจทก์ไม่จำต้องสืบพยานในข้อนี้เพราะข้อเท็จจริงฟังได้แล้วว่าหนี้เงินกู้ตามฟ้องครบกำหนดชำระเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share