คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2454/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ที่ดินของโจทก์และที่ดินของจำเลยอยู่ติดกัน ที่ดินของโจทก์มีที่ดินของจำเลยและที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ เมื่อปรากฏว่าหากโจทก์จะออกสู่ทางสาธารณะ ทางที่ใกล้ที่สุดจะต้องผ่านที่ดินของจำเลยตามที่พิพาท โจทก์จึงมีสิทธิจะใช้ที่พิพาทเป็นทางจำเป็นผ่านไปสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 เมื่อที่พิพาทเป็นทางจำเป็น โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ทางดังกล่าวโดยอำนาจของกฎหมายไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยเปิดทางจำเป็นในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) เลขที่ 271 ให้โจทก์ออกสู่ทางสาธารณะได้ ให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์และแบ่งแยกทางดังกล่าวให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่จัดการให้ ให้โจทก์นำคำพิพากษาไปจดทะเบียนแบ่งแยกได้ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 2,500 บาท และค่าเสียหายปีละ 15,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยเปิดทางให้โจทก์
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินส่วนหนึ่งของที่ดิน น.ส.3ก.เลขที่ 271 ซึ่งจำเลยมีเพียงสิทธิครอบครอง ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ โจทก์จึงฟ้องขอเปิดทางจำเป็นไม่ได้ ที่พิพาทจำเลยใช้ทำนาตั้งแต่ปี 2517ไม่เคยให้โจทก์ใช้เป็นทางเดิน โจทก์ไม่มีความจำเป็นที่ขอให้เปิดทางจำเป็นสำหรับที่ดินของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยเปิดทางให้โจทก์และบริวารผ่านที่ดินของจำเลยตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3ก.) เลขที่ 271 กว้าง 2 วา ยาวจากที่ดินของโจทก์ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) เลขที่ 272 ตามฟ้องไปจนถึงถนนสาธารณประโยชน์ ให้จำเลยไปจดทะเบียนเป็นทางจำเป็นให้โจทก์ต่อพนักงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไปหากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีสิทธิจะผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะได้ นั้น ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันรับฟังได้ว่า ที่ดินของโจทก์และที่ดินของจำเลยอยู่ติดกันที่ดินของโจทก์มีที่ดินของจำเลยและที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349วรรคแรก บัญญัติว่า “ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินแปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้” ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อกรณีของโจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่ดินที่ถูกที่ดินของผู้อื่นล้อมอยู่โดยรอบซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 ก็ได้บัญญัติรับรู้ความจำเป็นของเจ้าของที่ดินที่ถูกที่ดินของผู้อื่นล้อมให้ผ่านที่ดินของผู้อื่นที่ล้อมที่ดินของตนไปสู่ทางสาธารณะได้ ประกอบกับได้ความจากคำเบิกความของตัวจำเลยตอบทนายโจทก์ถามค้านว่า หากโจทก์จะออกสู่ทางสาธารณะทางที่ใกล้ที่สุดจะต้องผ่านที่ดินของจำเลยตามเส้นสีแดงในแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.1 ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิที่จะใช้ที่พิพาทเป็นทางจำเป็นผ่านไปสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 … อนึ่งที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนเป็นทางจำเป็นนั้นเห็นว่าเมื่อฟังว่าที่พิพาทเป็นทางจำเป็น โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ทางดังกล่าวโดยอำนาจของกฎหมายไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนอีกศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า คำขอให้จำเลยไปจดทะเบียนเป็นทางจำเป็นนั้น ให้ยกนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share