คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ว่าการยึดที่พิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่2ในคดีแพ่งคดีอื่นซึ่งกระทำภายหลังจะเป็นการยึดซ้ำแต่เมื่อมีการโอนการยึดที่พิพาทมาไว้ในคดีล้มละลายและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ดำเนินการขายทอดตลาดอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483เช่นนี้การยึดซ้ำในคดีแพ่งดังกล่าวไม่มีผลทำให้การขายทอดตลาดในคดีล้มละลายไม่ชอบแต่อย่างใด ราคาประเมินของสำนักงานที่ดินจังหวัดเป็นเพียงราคาประเมินในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเท่านั้นมิใช่ราคาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดแม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดที่พิพาทไปในราคาใกล้เคียงกับราคาประเมินของสำนักงานที่ดินหากแต่ต่ำกว่าราคาประเมินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งไว้โดยเทียบเคียงจากราคาในท้องตลาดอยู่มากการขายทอดตลาดที่พิพาทจึงไม่ชอบด้วยความมุ่งหมายแห่งการขายทอดตลาดเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ลูกหนี้หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา123

ย่อยาว

คดี สืบเนื่อง มาจาก ผู้คัดค้าน ได้ ทำการ ขายทอดตลาด ที่ดินโฉนด เลขที่ 4 ตำบล ท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัด กาญจนบุรี เนื้อที่ 38.9 ตารางวา พร้อม สิ่งปลูกสร้าง อาคาร สาม ชั้นเลขที่ 101-102 ไป เมื่อ วันที่ 16 เมษายน 2535 ใน ราคา 2,520,000 บาท
ผู้ร้อง ยื่น คำร้อง ว่า ผู้ร้อง เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์รวมใน ที่ดิน โฉนด เลขที่ 4 พร้อม สิ่งปลูกสร้าง ร่วม กับ จำเลย ที่ 2 และนาย ขุนทอง พงษ์วิทยภานุ คน ละ ส่วน เท่า ๆ กัน โจทก์ ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 12250/2521 ของ ศาลแพ่ง ได้ นำ เจ้าพนักงาน บังคับคดีของ ศาลชั้นต้น ยึด ที่ดิน โฉนด เลขที่ 4 พร้อม สิ่งปลูกสร้าง เฉพาะ ส่วนของ จำเลย ที่ 2 ศาลแพ่ง ได้ มี หนังสือ ถึง ศาลชั้นต้น ให้ โอน ที่ดินที่ ยึด พร้อม สิ่งปลูกสร้าง เฉพาะ ส่วน ของ จำเลย ที่ 2 มา ไว้ ใน คดี นี้ต่อมา เจ้าพนักงาน บังคับคดี ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 205/2526ของ ศาลชั้นต้น ได้ ยึด ที่ดิน โฉนด เลขที่ 4 พร้อม สิ่งปลูกสร้าง อีกจึง เป็น การ ยึด ซ้ำ และ ไม่มี ผล ใน การ ยึด และ ยัง ได้ ทำการ ขายทอดตลาดที่ดิน ดังกล่าว ไป ใน ราคา ต่ำกว่า ที่ ประเมิน ไว้ โดย ขาย รวม ที่ดินส่วน ที่ เป็น ของ ผู้ร้อง ไป ด้วย ทั้ง ๆ ที่ ไม่มี การ ยึด หรือ แจ้ง การ ยึดแก่ ผู้ร้อง จึง เป็น การ ขาย ที่ ไม่ชอบ ขอให้ เพิกถอน การ ขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ว่า ไม่เป็น การ ยึด ซ้ำ ใน ส่วน ของ ผู้ร้องผู้ร้อง ทราบ การ ยึด แล้ว และ ราคา ขาย ไม่ ต่ำกว่า ราคาประเมิน ของสำนักงาน ที่ดิน ไม่มี เหตุ เพิกถอน การ ขายทอดตลาด ให้ยก คำร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ เพิกถอน การ ขายทอดตลาด ที่ดินโฉนด เลขที่ 4 ตำบล ท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัด กาญจนบุรี พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท ให้ ผู้คัดค้าน ดำเนินการ ขายทอดตลาด ใหม่
ผู้ซื้อทรัพย์ ทั้ง ห้า และ ผู้คัดค้าน ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ปรากฏ ตาม รายงาน บันทึก การ ยึดทรัพย์ของ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ของ ศาลชั้นต้น ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่12250/2521 ของ ศาลแพ่ง ซึ่ง ศาลแพ่ง ได้ ขอให้ ศาลชั้นต้น บังคับคดีแทน นั้น ระบุ ชัด ว่า ได้ มี การ ยึด ที่พิพาท ไว้ ใน คดีแพ่ง ดังกล่าวโดย ได้ แจ้ง การ ยึด แก่ เจ้าพนักงาน ที่ดิน จังหวัด กาญจนบุรี ทราบ แล้วและ ต่อมา ศาลแพ่ง ได้ มี หนังสือ ขอให้ โอน การ ยึด ที่พิพาท มา ไว้ ใน คดี นี้ดังนั้น ไม่ว่า การ ยึด ที่พิพาท เฉพาะ ส่วน ของ จำเลย ที่ 2 ใน คดีแพ่งหมายเลขแดง ที่ 205/2526 ของ ศาลชั้นต้น ซึ่ง กระทำ ภายหลัง จาก ที่ ได้ ยึดไว้ ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 12250/2526 ของ ศาลแพ่ง เป็น การ ยึด ซ้ำแต่เมื่อ การ ยึด ที่พิพาท ดังกล่าว ได้ โอน มา ไว้ ใน คดี นี้ แล้ว และผู้คัดค้าน ได้ ดำเนินการ ขายทอดตลาด ใน คดี นี้ อัน อยู่ ใน อำนาจ หน้าที่ของ ผู้คัดค้าน ตาม พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 เช่นนี้ การ ยึด ซ้ำใน คดีแพ่ง ดังกล่าว ก็ หา มีผล ทำให้ การ ขายทอดตลาด ใน คดี นี้ เป็น การ ไม่ชอบแต่อย่างใด ไม่ ที่ ผู้ซื้อทรัพย์ ทั้ง ห้า ฎีกา ว่า ไม่ว่า การ ยึด ที่พิพาทซึ่ง ยึด ไว้ ใน คดีแพ่ง 2 ครั้ง จะ เป็น ยึด ซ้ำ หรือไม่ ก็ ตาม เมื่อ ผู้ร้องทราบ ถึง การ ยึด แล้ว มิได้ ร้อง คัดค้าน ต่อ เจ้าพนักงาน บังคับคดี หรือ ศาลภายใน 8 วัน นับแต่ วัน ทราบ ผู้ร้อง ไม่มี สิทธิ นำ มากล่าว อ้าง ใน คดี นี้จึง ไม่ทำ ให้ ผล คดี เปลี่ยนแปลง ไป แต่ ประการใด เป็น ฎีกา ไม่เป็น สาระไม่จำต้อง วินิจฉัย ที่ ผู้ซื้อทรัพย์ ทั้ง ห้า และ ผู้คัดค้าน ต่าง ฎีกาใน ปัญหา ที่ ว่า ราคา ที่พิพาท ที่ ผู้คัดค้าน ขายทอดตลาด นั้น ไม่ ต่ำ เกิน ไปเป็น การ ชอบแล้ว เห็นว่า เมื่อ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ได้ ยึด ที่พิพาทอีก ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 205/2526 ของ ศาลชั้นต้น เมื่อ วันที่2 มีนาคม 2528 ได้ ประเมิน ราคา ไว้ เป็น เงิน 3,000,000 บาท ไม่ว่าการ ยึด ครั้งหลัง จะ มีผล ตาม กฎหมาย หรือไม่ ก็ ตาม แต่ ก็ เป็น ข้อเท็จจริงที่ แสดง ให้ เห็นว่า ราคา ที่พิพาท ใน ขณะ นั้น เป็น จำนวน เท่าใด สามารถถือ มา เป็น เกณฑ์ ประกอบการ พิจารณา กำหนดราคา ใน การ ขายทอดตลาด ได้ทั้ง เมื่อ ได้ โอน ที่พิพาท เข้า มา ไว้ ใน คดีล้มละลาย คดี นี้ แล้ว ก่อน มี การขายทอดตลาด ผู้คัดค้าน ได้ สอบถาม ราคา ที่ ซื้อ ขาย กัน ใน ท้องตลาด จากผู้ที่ อยู่ ใน บริเวณ ที่ดิน ย่า นเดียว กัน ก็ ได้ความ ว่า มี ราคา ซื้อ ขาย กันใน ท้องตลาด คู หา ละ 1,000,000 บาท ที่พิพาท มี สิ่งปลูกสร้าง อาคาร3 คู หา ครึ่ง ราคา รวม ถึง 3,500,000 บาท ซึ่ง มูลค่า ของ ทรัพย์สินดังกล่าว ตั้งแต่ พ.ศ. 2521 น่า จะ เพิ่มขึ้น ตลอดมา และ เมื่อ พิจารณาภาพถ่าย ของ สภาพ ทรัพย์สิน และ บริเวณ ใกล้เคียง ประกอบ ด้วย แล้วที่พิพาท อยู่ ใน บริเวณ ทำเลการค้า ใน ตลาด ท่ามะกา และ อยู่ ติด ถนน แสงชูโต ซึ่ง เป็น ถนน ใหญ่ รถยนต์ จอด ได้ ราคาประเมิน ปานกลาง ของ ที่พิพาท น่า จะ ไม่ ต่ำกว่า 3,000,000 บาท ตาม ที่ ได้ มี การ ประเมินไว้ ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 205/2526 ของ ศาลชั้นต้น สำหรับราคาประเมิน ปานกลาง ที่ดิน ของ สำนักงาน ที่ดิน จังหวัด กาญจนบุรีเมื่อ รวม สิ่งปลูกสร้าง แล้ว เป็น เงิน 2,469,372 บาท นั้น เห็นว่าแม้ จะ ใกล้เคียง กับ ราคา ที่ ผู้คัดค้าน ขายทอดตลาด ไป แต่ ก็ เป็น เพียงราคาประเมิน ใน การ เรียกเก็บ ค่าธรรมเนียม ใน การ จดทะเบียน สิทธิและ นิติกรรม เท่านั้น มิใช่ ราคา ที่ ซื้อ ขาย กัน ใน ท้องตลาด จึง น่า จะต่ำ เกิน ไป ดังนั้น ที่ ผู้คัดค้าน ขาย ที่พิพาท ให้ ผู้ซื้อทรัพย์ไป ใน ราคา 2,520,000 บาท จึง เป็น ราคา ที่ ต่ำ เกิน ไป ไม่ชอบ ด้วยความมุ่งหมาย แห่ง การ ขายทอดตลาด เพื่อ ประโยชน์ แก่ เจ้าหนี้ ลูกหนี้หรือ บุคคล ผู้มีส่วนได้เสีย จึง เป็น การ ขาย ที่ ไม่ชอบ ด้วย พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 123 คำพิพากษา ของ ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นพ้อง ด้วย ฎีกา ของ ผู้ซื้อทรัพย์ ทั้ง ห้า และ ของ ผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share