คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 96 เวลาใดไม่ปรากฎจำเลยตัดฟันชักลากและมีไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับไม้ของกลางได้เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 96 ดังนี้แม้ทางพิจารณาจะฟังว่าจับของกลางได้เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 96 ซึ่งผิดวันกันก็จริง แต่ข้อที่ผิดกันเช่นนี้ยังไม่เรียกว่า ข้อเท็จจริงตามทีปรากฎในการพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องไม่ เพราะข้อที่ผิดกันนี้เป็นแต่เพียงรายละเอียดข้อปลีกย่อยเท่านั้น มิใช่ในข้ออันเป็นมูลฐานแห่งข้อกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ถึงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๔๙๖ เวลาใดไม่ปรากฎจำเลยตัดฟันชักลากไม้แดง ไม้รัง ไม้พยอม และแปรรูปไม้เหล่านั้น กับมีไม้หวงห้ามยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวง ทั้งพิศูจน์ไม่ได้ว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และริบไม้ของกลาง
จำเลยรับว่าได้ทำการแปรรูปไม้แดง ไม้พยอม ไม้รัง โดยมิได้รับอนุญาตจริง ไม้แดงนั้นนางสาวสังไวได้รับอนุญาตให้ตัดและมอบให้จำเลยตัด ไม้พยอมจำเลยได้รับอนุญาตให้ตัดฟันชักลาก จำเลยได้รับอนุญาตให้ตัดโดยยกเว้นค่าภาคหลวง ส่วนไม้แดงที่ยังมิได้แปรรูปเป็นของนางสาวสังไว ๒๖ ท่อน อีก ๕๒ ท่อนเป็นของใครไม่ทราบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๒๑,๔๘,๖๔,๗๓ . พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๖,๑๖,๑๗ พ.ร.บ.กำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓ ประกาศกฎกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตต์ควบคุมการแปรรูปไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ (ฉบับที่ ๔) กำหนดโทษจำคุกจำเลย ๑ เดือนปรับ ๔๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๓ ปี และให้ริบไม้ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าใบอนุญาตตัดทำไม้หมาย จ.๖ ของจำเลยใช้ได้ตามกฎหมาย พิพากษาแก้ให้คือไม้รังแปรรูป๑๖ แผ่นกับ ๔๐ ท่อนแก่จำเลย นอกนั้นคงเดิม
โจทก์ฎีกาขอให้ริบไม้รับแปรรูป ๑๖ แผ่นกับ ๔๐ ท่อนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคือแก่จำเลย
จำเลยฎีกาในปัญาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในการพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพะยานโจทก์ฟังได้ว่า เมื่อป่าไม้อำเภอไม่อยู่ผู้ช่วยก็ทำแทนได้ เอกสารหมาย จ.๖และสลักหลังต่อใบอนุญาตที่นายนิคมผู้ช่วยป่าไม้อำเภอสาเซ็นอนุญาตนั้นก็อาจใช้ได้เหมือนกัน เมื่อโจทก์มิได้สืบให้ได้ว่านายนิคมผู้ช่วยฯมิได้รับมอบหน้าที่ให้ทำแทนป่าไม้อำเภอและมิได้สืบว่านายนิคมกับจำเลยสมคบกันกระทำทุจจริตในการออกใบอนุญาตและสลักหลังต่อใบอนุญาต ดังนี้ต้องฟังว่าใบอนุญาตนี้ใช้ได้ เมื่อฟังว่าใช้ได้และไม้รายนี้เป็นไม้ที่ยกเว้นค่าภาคหลวงการแปรรูปไม้หรือมีไม้ไว้ก็ไม่ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๑๓ จึงริบไม้ฉะเพาะจำนวนนี้ไม่ได้
ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่า + ของโจทก์กล่าวว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยของกลางวันที่ ๙ ก.ค. ๒๔๙๖ แต่โจทก์นำพะยานมาสืบและที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาตามท้องสำนวนเข้าใจว่าจับของกลางได้เมื่อวันที่ ๒ ก.ค. ๒๔๙๖ ซึ่งผิดวันกันจริง แต่ก็มิใช่กรณีข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องดังฎีกาจำเลย เพราะมิใช่ผิดกันในมูลฐานอันเป็นข้อกล่าวหาว่า จำเลยกระทำผิด หากแต่เป็นเรื่องผิดกันในรายละเอียดข้อปลีกย่อยเท่านั้น
พิพากษายืน

Share