คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลชั้นต้นโดยสุจริตและวางเงินมัดจำไว้บางส่วน แต่ก่อนที่จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ดังนี้ แม้โจทก์จะยังมิได้ชำระราคาที่ดินพิพาทครบถ้วนหรือยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยผู้อยู่อาศัยในที่ดินพิพาทได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2530 โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดิน 2 แปลงจากการขายทอดตลาดของศาลชั้นต้น คือที่ดินโฉนดเลขที่ 15320 และโฉนดเลขที่ 19995 ในราคารวม 2,680,000 บาทวางมัดจำต่อศาล 800,000 บาท ส่วนที่เหลือจะชำระในวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ วันที่ 24 ธันวาคม 2530 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินเลขที่ 19995 โดยการครอบครองปรปักษ์คำสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ไม่อาจใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้เพราะโจทก์เป็นผู้มีสิทธิดีกว่าจำเลย เนื่องจากเป็นผู้ซื้อทอดตลาดจากศาลโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน สิทธิของจำเลยยังมิได้จดทะเบียนจึงไม่บริบูรณ์ที่จะยกขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ขนย้ายบริวารและทรัพย์สินออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 19995 ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ10,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าขนย้ายออกไป
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง คำสั่งของศาลที่ให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินเลขที่ 19995 โดยการครอบครองปรปักษ์ใช้ยันโจทก์ได้ และโจทก์ไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆขนย้ายบริวารและทรัพย์สินออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 19995 ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะขนย้ายทรัพย์และบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเช่นว่านี้ ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 238 ประกอบ 247 ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่14 ตุลาคม 2530 โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 15320 และโฉนดเลขที่ 19995 จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลชั้นต้นรวม2 แปลง โดยสุจริตในราคา 2,680,000 บาท วางมัดจำไว้ 800,000 บาทส่วนที่เหลือจะชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์ วันที่ 5 ตุลาคม 2530จำเลยยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 19995 วันที่24 ธันวาคม 2530 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 19995 อันเป็นที่ดินพิพาทคดีนี้โดยการครอบครองปรปักษ์โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาทแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยเห็นว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต สิทธิของโจทก์จึงไม่เสียไปแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์นั้นมิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 และสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์โดยสุจริตจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ดังกล่าว แม้จะยังมิได้มีการชำระราคาทรัพย์ครบถ้วนหรือยังมิได้มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ก็มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อนั้นได้ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2506 ระหว่าง นางเซี้ยนหรือเสี้ยนศรีอาวุธ โจทก์ นายกัน ลบลาย กับพวก จำเลย คำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้างมาข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share